
การจากไปอย่างกะทันหันของดาราอาวุโสฮ่องกง เจิงเจียง ไม่เพียงทำให้แฟนหนังอาลัย ยังจุดประเด็นเรื่องมาตรการกักตัวผู้สูงวัยที่กลับจากต่างประเทศด้วย
วันที่ 28 เมษายน 2565 เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานว่า การเสียชีวิตของ เจิง เจียง นักแสดงอาวุโสของฮ่องกง วัย 87 ปี ขณะพักอยู่ตามลำพังในโรงแรมสำหรับกักตัวเมื่อเดินทางเข้าฮ่องกง ทำให้เกิดกระแสถกเถียงในสังคมฮ่องกง ว่าควรให้ผู้อาวุโสที่เดินทางกลับฮ่องกง ควรถูกกักในโรงแรม หรือให้กลับไปกักตัวที่บ้าน

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเผยว่า เมื่อพนักงานเคาะประตูห้องพักเพื่อสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อวันพุธที่ 27 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการกักตัว ก็ไม่มีการตอบรับ
ฉวง ชุกกวาน หัวหน้าแผนกโรคติดต่อ ศูนย์ป้องกันสุขภาพกล่าวว่าผลการชันสูตรศพเจิง เจียงเบื้องต้น ไม่พบเชื้อโควิด-19 และในระหว่างที่พักในโรงแรมก็ไม่พบเชื้อ ซึ่งแหล่งข่าวเปิดเผยว่าเจิงรับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น หรือเข็มที่ 3 แล้ว
ช่วงเกิดเหตุ มีรายงานว่าทางโรงแรมมัวแต่ขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเปิดห้องเจิง เจียง หลังจากไม่มีสัญญาณตอบรับ โดยไม่ได้ขอเป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่ง ฉวงห็นว่าโรงแรมกักตัวควรใช้สามัญสำนึก ไม่ต้องรอขั้นตอนทางราชการทุกครั้งก็ได้
นอกจากนี้ ตรวจสอบพบว่า คืนวันอังคารที่ 26 เม.ย. เจิง เจียง ติดต่อแผนกต้อนรับโรงแรมประมาณ 20.00 น.เพื่อตรวจสอบว่าครอบครัวส่งของ ซึ่งคาดว่าเป็นยาสำหรับโรคประจำตัวมาให้แล้วหรือยังและรับของไปก่อน 21.00 น.
ส่วน โหว พักเหลียง นักจุลชีววิทยาระดับแนวหน้า มหาวิทยาลัยฮ่องกง กล่าวว่าผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วอาจเสียชีวิตกะทันหันได้ เช่น หัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง ถ้าขอความช่วยเหลือไม่ได้ทันท่วงที ส่วนกรณีของเจิงจะเข้าข่ายนี้หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่จะต้องสอบสวนต่อไป
ลูกสาวเผยพ่อมีความดันสูง
มูเส็ต เจิง บุตรสาวของนักแสดงอาวุโสกล่าวว่าติดต่อกับพ่ออย่างใกล้ชิดในช่วง 2-3 วันสุดท้ายและคุยเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวและอาหารการกิน พร้อมกล่าวว่าพ่อป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง แต่ตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติของคนวัยนี้

ขณะนี้ ครอบครัวกำลังหารือเรื่องการจัดการศพซึ่งจะจัดแบบเงียบๆ และขอบคุณแฟนๆ ที่จดจำเจิงในวัยหนุ่มที่หล่อและยอดเยี่ยมทางการแสดง พ่อชอบความสนุกสนานและรับประทานอาหารหลากหลาย พ่อสนุกกับชีวิต หวังว่าผู้คนจะจำมุมดีๆ ของพ่อได้เสมอ
ขณะที่ ทิโมฮี ฉุย ถิงผง กรรมการบริหารสมาคมท่องเที่ยวฮ่องกงกล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นกรณีเฉพาะ เนื่องจากฮ่องกงใช้นโยบายกักตัวที่โรงแรมอย่างน้อย 1 ปีครึ่งและเพิ่งเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นครั้งแรก แม้โรงแรมติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเฝ้าสังเกตผู้กักตัว แต่พนักงานไม่ได้คอยเฝ้าดูตลอดเวลา เนื่องจากต้องลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและเคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้เข้าพัก
ขณะที่รัฐบาลกำลังพิจารณาผ่อนผันผู้ที่เข้าเกณฑ์ว่ามีความจำเป็นให้กักตัวที่บ้านได้โดยให้สมาชิกในบ้านดูแล
นโยบายกักตัวของฮ่องกงยังเทียบไม่ได้กับที่อื่นๆ ในโลก ที่ยกเลิกการกักตัวกันแล้ว เช่น สิงคโปร์ ให้กักตัวที่บ้านได้โดยรายงานตำแหน่งที่อยู่ผ่านแอปพลิเคชัน

มีอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยกักตัวที่บ้าน
ด้านเดวิด ฮ่ยชูเฉียง เห็นต่างว่าไม่ควรอนุญาตให้กักตัวที่บ้านได้ในกรณีทั่วไป เนื่องจากการกักตัวที่บ้านจะทำให้ยิ่งเสี่ยงมากขึ้น เหมือนกรณีลูกเรือสายการบินคาเธย์ แปซิฟิก ที่ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนและกักตัวที่บ้านจนแพร่กระจายกลายเป็นการระบาดระลอกที่ 5 เมื่อปลายเดือน ธ.ค.
แฟลตส่วนใหญ่ไม่เหมาะสำหรับการกักตัวเพราะไม่มีห้องเพียงพอและไม่มีห้องน้ำแยก แต่หากจำเป็น ก็อาจจะอนุโลมให้กักตัวที่บ้านได้ หากที่พักเอื้ออำนวยและติดตามตำแหน่งที่อยู่ได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ส่วนเจ้าหน้าที่สำนักอาหารและสาธารณสุขออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ว่าพนักงานโรงแรมเข้าไปในห้องพักของผู้กักตัวได้โดยไม่ต้องรับอนุญาตจากหน่วยงานรัฐด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและเหตุฉุกเฉินโดยพนักงานโรงแรมต้องสวมชุดพีพีอี เมื่อเข้าห้องพักและแจ้งหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในภายหลัง