
บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์วิจารณ์ คริปโต และ NFTs เป็น “ทฤษฎีคนโง่กว่า” ชี้ชัดลงทุนแบบเก่า ดีกว่า
วันที่ 16 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงาน จากเว็บไซต์ CNN กล่าวถึงกรณี ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับ คริปโต ในงานประชุม TechCrunch เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยอ้างถึงแนวคิดที่ว่านักลงทุนสามารถสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่ไร้มูลค่า หรือ มีมูลค่าที่สูงเกินไปสำหรับการซื้อขาย
เกตส์เรียกสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ว่า “ทฤษฎีคนโง่กว่า” หรือ Greater fool theory
ข้อมูลจาก ลงทุนแมน อธิบาย ทฤษฎีคนโง่กว่านั่นคือ ตามหลัก Value Investing การจะทำกำไรจากการลงทุน คือต้องซื้อสินทรัพย์นั้น ๆ ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน เพราะสุดท้ายแล้วในระยะยาว มูลค่าของสินทรัพย์นั้นจะปรับเข้าสู่มูลค่าที่แท้จริงเอง ส่วนคนที่ยอมซื้อในราคาที่สูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง จะถูกเรียกว่า Fool หรือ “คนโง่”
และคนที่ยอมซื้อสินทรัพย์นั้นต่อในราคาที่สูงกว่าราคาที่คนโง่ซื้อมาอีกที ก็จะถูกเรียกว่า Greater fool หรือ “คนโง่กว่า” เป็นที่มาของคำว่า Greater fool theory หรือ “ทฤษฎีคนโง่กว่า” นั่นเอง
เกตส์ยังได้ล้อเลียน Bored Apes NFTs ชื่อดังที่มีมูลค่าสูงอันดับต้นของโลกว่า “ภาพลิงดิจิทัลราคาแพง” ที่จะ “ทำให้โลกดีขึ้นอย่างมหาศาล”
First @RollingStone NFT covers. Auctions details to come. pic.twitter.com/sZRgpa6RDl
— Bored Ape Yacht Club (@BoredApeYC) November 1, 2021
เกตส์กล่าวว่า เขาชอบการลงทุนแบบเก่ามากกว่า และเคยชินกับการแบ่งประเภทของสินทรัพย์ เช่น ฟาร์มที่มีผลผลิต หรือ บริษัทที่ผลิตสินค้า
ในขณะที่เขาแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ราคาบิตคอยน์ และคริปโตเคอร์เรนซีกำลังดิ่งลงอย่างรุนแรง
โดยราคาบิตคอยน์เคยพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 69,000 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนพฤศจิกายน 2564 และตั้งแต่นั้นมา สกุลเงินดิจิทัลที่มีค่าที่สุดในโลกก็ได้สูญเสียมูลค่าไป 2 ใน 3 ราคาร่วงลงต่ำกว่า 21,000 ดอลลาร์/BTC ในวันอังคารที่ผ่านมา และได้สูญเสียมูลค่าไปประมาณ 25% ตั้งแต่วันศุกร์
บริษัทแลกเปลี่ยนอย่าง Crypto Coinbase ประกาศว่ากำลังเลิกจ้างพนักงาน 18% เนื่องจากตลาดสกุลเงินดิจิทัลยังคงดิ่งลงเรื่อย ๆ
เกตส์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคริปโต ในการสัมภาษณ์กับ Bloomberg ในปี 2564 ว่า การที่อีลอน มัสก์ และเทสลา จะลงทุนในบิตคอยน์ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนทั่วไปจะต้องทำตาม เขากล่าว “ผมคิดว่าผู้คนคลั่งไคล้ซื้อสิ่งเหล่านี้ ซึ่งอาจไม่มีเงินเหลือมากพอ ดังนั้นผมจึงไม่ไปดื้อรั้นกับบิตคอยน์”