เปิดชนวนเหตุที่ทำให้ “บอริส จอห์นสัน” นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม
วันที่ 7 กรกฎาคม 2565 กรณี “บอริส จอห์นสัน” นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม หลังมีรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงลาออก โดยจะทำหน้าที่รักษาการจนถึงเดือนตุลาคมนี้ ท่ามกลางข่าวอื้อฉาวตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
“ประชาชาติธุรกิจ” สรุปเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นชนวนนำไปสู่การลาออกครั้งนี้ โดยไล่เลียงจากเหตุการณ์ล่าสุด ดังนี้
การลาออกของรัฐมนตรีระดับอาวุโส ได้แก่ “ซาจิด จาวิด” รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข และ “ริชี ซูนัก” รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง รวมถึงรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวมกว่า 40 คน เกิดขึ้นหลังจากจอห์นสันออกมาขอโทษที่แต่งตั้ง “คริสโตเฟอร์ พินเชอร์” ให้มีบทบาทในการดูแลเรื่องระเบียบวินัยของ ส.ส.ในพรรค แม้จอห์นสันจะทราบดีว่า นักการเมืองผู้นี้ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับการประพฤติผิดทางเพศ
“ไซมอน แมคโดนัลด์” อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวหาว่าทีมงานของจอห์นสันโกหก ที่บอกว่าไม่รู้เรื่องความประพฤติของพินเชอร์
พินเชอร์ลาออกจากตำแหน่งรองประธานวิปรัฐบาลเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ท่ามกลางข่าวอื้อฉาว ที่กล่าวหาว่าเขาลวนลามชาย 2 คน ที่คลับส่วนตัวแห่งหนึ่ง
มีการรายงานเกี่ยวกับข้อกล่าวหาในอดีตของพินเชอร์ พร้อมกับตั้งคำถามว่าทำไมจอห์นสันจึงแต่งตั้งเขาให้อยู่ในตำแหน่งระดับสูงเพื่อดูแลด้านระเบียบวินัย
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา “วิล ควินซ์” รัฐมนตรีกระทรวงเยาวชนและครอบครัว ได้ขอลาออกจากคณะรัฐมนตรีเช่นกัน โดยระบุเหตุผลถึงการที่จอห์นสันแต่งตั้งนักการเมืองที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาว
การลาออกของรัฐมนตรีหลายคน เกิดขึ้นหลังจากหลายเดือนที่ผ่านมา จอห์นสันเผชิญเรื่องอื้อฉาวหลายเรื่อง เช่น การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงการลาออกของ “นีล แพริช” ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยม หลังจากที่เขาถูกจับได้ว่าดูสื่อลามกบนโทรศัพท์มือถือระหว่างที่อยู่ในสภา
จอห์นสันยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงที่ไม่ดำเนินการมากพอในการจัดการกับวิกฤตค่าครองชีพ ซึ่งทำให้ชาวอังกฤษจำนวนมากต้องดิ้นรนเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งสูง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์มองว่าอังกฤษกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง หรืออาจเป็นภาวะถดถอยเลยก็ว่าได้