กระแสการหยุดจ่ายเงินผ่อนบ้านของชาวจีนที่ลุกลามไปในหลายร้อยโครงการทั่วประเทศจีน ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อกระแสเงินสดของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงบริษัทซัพพลายเออร์ที่เริ่มปฏิเสธการชำระเงินกู้ให้กับธนาคาร ซึ่งเป็นสัญญาณน่าหวั่นวิตกของภาคอสังหาฯจีนที่อาจนำสู่วิกฤตเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์ก รายงานว่า สถานการณ์การประท้วงและหยุดผ่อนเงินซื้ออสังหาริมทรัพย์ของชาวจีน เริ่มขึ้นที่โครงการอสังหาฯแห่งหนึ่งในเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น มณฑลเจียงซี เมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโครงการของยักษ์อสังหาฯอย่าง “เอเวอร์แกรนด์” ที่ไม่สามารถส่งมอบบ้านให้แก่ผู้ซื้อตามสัญญา
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ นำมาซึ่งกระแสการหยุดจ่ายเงินผ่อน และยืนยันว่าจะชำระเงินก็ต่อเมื่อโครงการสร้างเสร็จแล้วเท่านั้น เหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ลุกลามไปทั่วประเทศ มีอสังหาฯได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 301 โครงการ ใน 91 เมือง จากบริษัทอสังหาฯอย่างน้อย 18 ราย ที่มีปัญหาการส่งมอบช้ากว่าสัญญาตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี
ส่งผลบริษัทผู้รับเหมาและอุปกรณ์ ก่อสร้างหลายรายปฏิเสธชำระคืนเงินกู้กับธนาคาร โดยอ้างว่า บริษัทอสังหาฯไม่สามารถจ่ายเงินให้กับผู้รับเหมา ส่งผลให้ซัพพลายเออร์ต่าง ๆ ต้องเผชิญกับวิกฤตสภาพคล่องและหนี้สินเช่นกัน เป็นเหตุให้หลายโครงการไม่สามารถสร้างเสร็จตามกำหนด
ด้านรัฐบาลจีนก็มีความพยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์รายงานว่า คณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยจีน (CBIRC) เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ขยายวงเงินกู้ให้กับโครงการเหล่านี้เพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอที่จะดำเนินการก่อสร้างและส่งมอบต่อไป เพื่อ
สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อ
“เรย์มอนด์ เฉิง” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี กล่าวว่า “โครงการจำนวนมากจะสามารถกลับมาดำเนินการได้ในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากที่ธนาคารยอมปล่อยเงินกู้ผ่านบัญชีดูแลผลประโยชน์ (escrow accounts) สำหรับการก่อสร้าง”
แม้ว่าภาคธนาคารของจีนจะประเมินว่า ความเสี่ยงจากการหยุดผ่อนอสังหาฯครั้งนี้ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยความเสียหาย น่าจะอยู่ที่ราว 2,100 ล้านหยวน แต่บริษัทหลักทรัพย์จีเอฟประเมินว่า ความเสียหายครั้งนี้อาจพุ่งสูงถึง 2 ล้านล้านหยวน
วิกฤตหนี้สินของบริษัทอสังหาฯเป็นสาเหตุที่ทำให้การก่อสร้างหลายโครงการต้องหยุดชะงัก เริ่มจากวิกฤต “เอเวอร์แกรนด์” ในปีที่แล้วที่มีการผิดนัดชำระหนี้สูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปทั่วภาคอสังหาฯจีน
ข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ซีแอลเอสเอ ระบุว่า ช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีบริษัทอสังหาฯ 28 แห่ง ผิดนัดชำระหนี้ และต้องขอยืดชำระหนี้ออกไป และครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดขายอสังหาฯจีนหดตัวถึง 72%
สถานการณ์ดังกล่าวยังอาจส่งผลต่อเนื่องไปถึงภาคธนาคารของจีน ที่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อที่เสี่ยงเป็นหนี้เสีย “ฟิตช์ เรตติงส์” ระบุว่า “ธนาคารขนาดเล็กในภูมิภาคห่างไกลของจีนมีความเสี่ยงมากที่สุด เนื่องจากอสังหาฯส่วนใหญ่ในพื้นที่เหล่านั้นประสบปัญหาลากยาวมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปี 2021”
ขณะที่ “ดีบีเอส กรุ๊ป” ประเมินว่า ระบบธนาคารของจีนยังคงสามารถแบกรับความเสี่ยงจากการปล่อยสินเชื่อได้ราว 7.5 ล้านล้านหยวน ซึ่งมากกว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เกี่ยวข้องกับการหยุดผ่อนบ้านในขณะนี้เกือบ 1.1 ล้านล้านหยวน ดังนั้นผลกระทบจึงยังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้
แต่การหยุดผ่อนครั้งนี้ก็อาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความพยายามฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของจีดีพีจีน ท่ามกลางการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ปัญหาการว่างงานที่สูงขึ้น รวมถึงการล็อกดาวน์โควิด-19 หลายระลอก ทั้งหมดนี้ต่างส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนในระยะยาว