อยู่ใกล้แต่ไทยอาจไม่รู้ เกษตรกรสวนปาล์มของมาเลเซีย เจอวิกฤตไม่มีแรงงานพอที่จะช่วยเก็บผลผลิต
วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานเรื่องราวของเกษตรกรผู้เพาะปลูกปาล์มในมาเลเซีย ในฐานะผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกว่า ปีนี้เผชิญฤดูกาลเพาะปลูกที่ขมขื่น เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
น้ำมันปาล์มเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ใช้ในสินค้าประจำวันมากมายตั้งแต่ช็อกโกแลตไปจนถึงเครื่องสำอาง เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญต่อเศรษฐกิจของมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรวมกันในสัดส่วนสูงถึง 85% ของผลผลิตน้ำมันปาล์มโลก
ปีนี้ผลปาล์มในสวนของเกษตรกรมาเลเซียถูกทิ้งจนเน่าคาต้น เพราะไม่มีแรงงานพอที่จะเก็บเกี่ยว จากผลกระทบช่วงโควิด-19 ระบาด ที่มีการปิดพรมแดนยาวระหว่างสองดินแดนเพื่อลดจำนวนแรงงานต่างชาติลง
แต่ปัญหาตอนนี้มาจากระบบราชการและการสั่งห้ามอินโดนีเซียนำแรงงานใหม่เข้ามาที่มาเลเซีย ยิ่งทำให้ปัญหาหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เก็บผลผลิตไม่ทัน เน่าคาต้น
ซูไซดี รายัน วัย 47 ปี เจ้าของพื้นที่เพาะปลูก 300 เอเคอร์ หรือราว 750 ไร่ ที่เมืองอีจอก รัฐสลังงอร์ ทางตอนกลางของประเทศ ให้ข้อมูลถึงปัญหาที่เผชิญอยู่จากการขาดแคลนแรงงาน
“เรามักจะเก็บเกี่ยวเดือนละสองครั้ง แต่ตอนนี้พอขาดแคลนแรงงาน เราต้องขับรถเข้าไปเอาผลผลิตขึ้นรถบรรทุกด้วยตัวเอง เราจึงเก็บผลผลิตได้เพียงเดือนละครั้ง ทำให้รายได้ของเราลดลง และที่เหลือจำนวนมากกำลังเน่าอยู่คาต้น” ซูไซดีกล่าว
ปาล์มเป็นสินค้าที่มีประเด็นความขัดแย้ง นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระบุว่า เป็นต้นเหตุของการทำลายป่าฝนทั้งในมาเลเซียและอินโดนีเซีย การขยายตัวอย่างรวดเร็วของพื้นที่เพาะปลูก
บรรดาบริษัทเกษตรมีกิจการที่ใหญ่มีพื้นที่ปลูกขนาดใหญ่ และยังมีเกษตรกรรายย่อยอย่างซูไซดีจำนวนมาก นอกจากถูกมองว่าทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หายาก ยังมีข้อครหาว่าเอาเปรียบแรงงานต่างชาติในบางพื้นที่
แรงงานไม่กลับมา-ขาดนับแสน
อุตสาหกรรมอื่น ๆ ของมาเลเซีย รวมถึงการก่อสร้างและการผลิต ล้วนต้องพึ่งพาคนงานจากประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชีย จึงได้รับผลกระทบหนักจากการปิดพรมแดนเป็นระยะเวลายาวนาน
แม้ทางราชการยุติคำสั่งระงับการว่าจ้างแรงงานต่างชาติแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่จำนวนแรงงานที่กลับมายังช้ามาก เนื่องจากติดขัดที่ระบบระเบียบและการต่อรองจากประเทศต้นทาง
ปัญหาของภาคการผลิตพืชผลเผชิญผลกระทบหนัก และหนักยิ่งขึ้นหลังจากอินโดนีเซียห้ามส่งคนงานใหม่ไปยังมาเลเซียตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.
เฮอร์โมโน เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ กล่าวว่า รัฐบาลตัดสินใจจะไม่ส่งแรงงานไป เนื่องจากมาเลเซียไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้เจรจากันไว้
บรรดาสมาคมเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ของมาเลเซียกล่าวว่า ขณะนี้มีปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมาณ 120,000 คน
เกษตรกรสวนปาล์มกระอัก
จากตัวเลชที่นายซูไรดา คามารุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตร ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 ทางอุตสาหกรรมสูญเสียรายได้ 2.350 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 85,000 ล้านบาท เนื่องจากผลปาล์มน้ำมันไม่ได้ถูกเก็บเกี่ยว ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อและต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
“ผมมองเห็นเพียงความมืดมิดบนเส้นขอบฟ้า รายได้ของผมตกลงมาก ขณะที่ราคาข้าวของมีแต่จะขึ้น” ซาห์มาน ดูเรียต เกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ในอิจอก กล่าวกับนักข่าวเอเอฟพี
หลังประกาศไม่รับแรงงานจากอินโดนีเซีย ทางกระทรวงทรัพยากรบุคคลของมาเลเซียให้คำมั่นว่าจะจัดการกับข้อกังวลของจาการ์ตาโดยเร็ว
สำหรับคนงานอินโดนีเซียที่ยังอยู่ในมาเลเซียก็ต้องดิ้นรนเช่นกัน
อย่างแซนเล่าว่า “ปกติพวกเราทำงานกันเป็นกลุ่มละ 5 คน แต่ตอนนี้เหลือ 2 คน เราเคยเก็บเกี่ยวได้ 200 ตันต่อเดือน แต่ตอนนี้ทำได้เพียง 80 ตัน”
……