AIS SME หนุนธุรกิจ SMEs ผ่านกลยุทธ์ 7s พร้อมติดอาวุธดิจิทัลโซลูชั่น ให้เติบโตอุ่นใจไปด้วยกัน

ความท้าทายในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเดินหน้าอย่างรวดเร็ว กระตุ้นให้ผู้ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี (SMEs) ที่ต้องการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ต้องเร่งปรับตัว รู้เท่าทันตลาดและเทรนด์ใหม่ๆ โดยเฉพาะการนำเครื่องมือดิจิทัลเข้ามาใช้บริหารจัดการและเสริมสภาพคล่องการผลิตสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการตอกย้ำบทบาทเพื่อนร่วมทางเคียงข้าง SMEs ไทย AIS SME โดย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จํากัด (มหาชน) หรือ AIS เดินหน้าเปิดตัวบริการ ดิจิทัล-ไอทีโซลูชั่น หนุน SMEs ที่เป็นเส้นเลือดหลักของเศรษฐกิจสามารถทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดเดินหน้าปลดล็อกอาวุธด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เทคโนโลยี เครื่องมือทางการตลาด บริการด้านไอทีโซลูชั่นบนโครงข่ายอัจฉริยะ เสิร์ฟให้ผู้ประกอบการ SMEs เติบโตได้อย่างอุ่นใจ

AIS SME กับบทบาทเพื่อนที่รู้ใจทุกเรื่อง SMEs

นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS เผยถึงแผนงานและเป้าหมายสนับสนุนธุรกิจ SMEs ปี 2566 ว่า AIS มุ่งเน้นการส่งมอบบริการดิจิทัลและไอซีทีโซลูชั่นที่ปลอดภัย มั่นใจ ตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด “เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน” ยิ่งปัจจุบันโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเฉพาะสถานการณ์ตั้งแต่ช่วง 2-3 ปีมานี้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบจนต้องปิดตัวไป แต่สำหรับ SMEs ที่เป็นเซ็กเตอร์สำคัญของการเติบโตของประเทศกลับเห็นโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ ๆ และกลับมาเดินหน้าต่อได้ จึงขอเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะช่วยผลักดันและสนับสนุนการเติบโตให้กับผู้ประกอบการ SMEs ด้วย กลยุทธ์ 7S 

  • AIS SME Mobile Services บริการโทรศัพท์เพื่อการสื่อสาร
  • AIS SME Internet Services บริการอินเทอร์เน็ต
  • AIS SME Digital Marketing Services เครื่องมือด้านการตลาดออนไลน์
  • AIS SME IT & Digital Solutions พัฒนาระบบไอทีหลังบ้าน
  • AIS SME Full e-Services งานบริการแบบ E-Service ที่อำนวยความสะดวกให้แก่นิติบุคคล
  • AIS SME Special Privileges สิทธิพิเศษที่ทำให้การทำธุรกิจง่ายขึ้นด้วย AIS SME BIZ UP 
  • AIS SME Strategic Partnership การผนึกกำลังกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ

ปัจจุบันมีผู้ประกอบการกว่า 3.18 ล้านราย ได้กลายเป็นหนึ่งในสัดส่วนหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากการจ้างงานกว่า 12.6 ล้านตำแหน่ง โดยเฉพาะในกลุ่มการค้า การผลิต และบริการ ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นสัดส่วนถึง 34.2% ของจีดีพีประเทศ ดังนั้น การเพิ่มขีดความสามารถให้กับการดำเนินธุรกิจผ่านการทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวมีเครื่องมือสร้างโอกาสและการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

ช่วงการระบาดของโควิด-19 เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ประกอบการที่สามารถจับเทคโนโลยีใหม่ได้ก็จะเติบโต ซึ่งที่ผ่านมา AIS ได้สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจด้วยการป้อนเทคโนโลยีเสริมศักยภาพทางธุรกิจ 4 ตัว คือ Remote Work and Virtual Meeting, Digital Marketing, E-commerce Platform และ Self-employed

เปิดตัว Yellow เชื่อม B2B-B2

ล่าสุด AIS ได้เปิดบริการใหม่ล่าสุด Yellow B2B2C e-marketplace ใช้งานเว็บไซต์ www.yellow.co.th ผ่านการร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ FTI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยส่งเสริมให้สามารถต่อยอดธุรกิจทั้งเชิง B2B และ B2C แบบครบวงจร ทั้งยังมีช่องทางให้พบผู้ซื้อรายใหญ่และรายเล็กได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้าและบริการได้ง่าย ๆ หรือโพสต์สร้างความต้องการสินค้าหรือบริการ (RFQ Marketplace) เพื่อให้ผู้ขายติดต่อเสนอราคาได้ทันที

นอกจากนี้ผู้ขายยังสามารถเจรจาธุรกิจไปจนถึงปิดการขายได้ผ่านช่องแชต อีกทั้งยังมีเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกิจได้ตลอดเวลา ซึ่งความสะดวกของแพลตฟอร์มนี้จะเปิดทางให้ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย เข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น สามารถติดต่อขอใบเสนอราคา ไปจนถึงการเจรจาธุรกิจ ปิดการขายผ่านระบบแชต ที่จะเปิดให้สมาชิกของสภาอุตสาหกรรมได้รับข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติม 

“ปัจจุบันสภาอุตสาหกรรมฯ มีผู้ประกอบการกว่า 1.5 หมื่นราย โดยในจำนวนนี้กว่า 90% เป็นผู้ประกอบการทำให้เชื่อว่าการให้บริการแพลตฟอร์มนี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงตลาดที่มากขึ้น”

นายธนพงษ์ กล่าวอีกด้วยว่า จากข้อมูลที่ทำการสำรวจพบว่า สิ่งที่ SMEs ส่วนใหญ่ต้องการเครื่องมือหรือโซลูชั่นด้านดิจิทัล โดยเฉพาะแพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์ เพื่อให้เสริมศักยภาพ เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน สามารถลดต้นทุนการดำเนินงาน ขยายช่องทางการขาย หรือแม้กระทั่งการขยายฐานลูกค้าและการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ

AIS SME เข้าใจถึงความต้องการดังกล่าว จึงขอเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะช่วยผลักดันและสนับสนุนการเติบโตให้กับ SMEs อาทิ บริการโทรศัพท์เพื่อการสื่อสาร บริการอินเทอร์เน็ตเครื่องมือด้านการตลาดออนไลน์ พัฒนาระบบไอทีหลังบ้าน งานบริการแบบอีเซอร์วิสที่อำนวยความสะดวกให้แก่นิติบุคคล นอกจากนี้ ยังเน้นการสนับสนุน 4 อุตสาหกรรมหลัก SMEs ได้แก่ การค้า การผลิต บริการ ดิจิทัลและเทคโนโลยี” หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร AIS

เสริมสิทธิประโยชน์ หนุน SMEs เติบโตแข็งแกร่ง

ด้าน นายนวชัย เกียรติก่อเกื้อ หัวหน้าส่วนงานการตลาดลูกค้าองค์กรและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เสริมว่า ภาพรวมของกลุ่มลูกค้า SMEs ปีนี้คาดว่าจะเติบโตมากกว่า GDP ที่ตลาดคาดว่าจะโต 3-4% เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มภาคการท่องเที่ยว ซึ่งมีกลุ่มลูกค้า SMEs ของ AIS จำนวนมาก ประกอบกับข้อมูลการจดทะเบียนของกลุ่ม SMEs กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในปีนี้เพิ่มมากขึ้นซึ่งเป็นระดับที่เริ่มมากกว่าก่อนสถานการณ์โควิด 

ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ช่วยสนับสนุนให้กลุ่ม SMEs มาใช้บริการ AIS มากขึ้น โดย AIS SME มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่ม SMEs ประมาณครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรม SMEs ซึ่งในปีก่อนกลุ่ม SMEs ที่ใช้บริการมือถือของ AIS เติบโต 3.5% อินเทอร์เน็ตโต 25% ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งโต 32% และกลุ่มไอทีและดิจิทัลโต 40%

นายนวชัย กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแพ็กเกจภายในปีนี้ AIS SME ได้จัดทำสิทธิประโยชน์ให้ผู้ค้า SMEs ออนไลน์ ผ่านการใช้แอป ถุงเงิน ได้รับเน็ตฟรี 21 GB หรือแอป TikTok ในราคาประหยัด โดยเฉพาะเพิ่มการค้าขายบนบัญชี Flowaccount ตั้งแต่ 2 เดือน-12 เดือน รวมถึงแพ็กเกจ AIS Fibre พร้อมระบบกล้องวงจรปิด ส่วนลูกค้า AIS Serenade และ AIS Points รายแรกและรายเดียวในไทย AIS พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้า SMEs เพื่อรับสิทธิพิเศษได้แบบจัดเต็มเช่นเดียวกับลูกค้าทั่วไป 

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม AIS SME BIZ UP ที่มาพร้อมความพิเศษที่มากกว่า ทั้งการอัrเดตความรู้ เทรนด์ใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ส่วนลดค่าสินค้าและบริการจากพันธมิตร ร้านค้า บริการจากสตาร์ตอัrในกลุ่ม AIS The StartUp ที่เข้ามาส่งมอบบริการให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงได้ในราคาพิเศษ 

ลูกค้า SMEs ของ AIS SME จะได้รับส่วนลดสูงสุด 20% กับบริการขนส่งออนไลน์ Shippop แพลตฟอร์มด้านการขนส่ง ที่ช่วยเรื่องการบริหารจัดการขนส่งสินค้า ใช้บริการแพลตฟอร์มบริหารจัดการระบบร้านอาหารจาก Foodstory รวมถึงรับพอยต์มากกว่า 13 ล้านพอยต์ไปใช้ประโยชน์ทางธุรกิจได้ โดยเฉพาะกับ 20,000 พาร์ตเนอร์เอาต์เลตที่เป็นสมาชิกของ AIS SME ได้เช่นเดียวกัน

“เราเชื่อว่าวันนี้ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและจะเป็นกำลังสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นการมีอาวุธดิจิทัลและเทคโนโลยี ก็จะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของการทำงานให้ก้าวไปอีกขั้น โดย AIS ขอเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้าง พร้อมสนับสนุนให้ SMEs เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน ผ่านการนำดิจิทัลเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงาน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมศักยภาพทางการแข่งขันได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราพร้อมนำทุก SMEs ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน” นายนวชัยปิดท้าย


เชื่อมั่นว่าการผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง AIS และพันธมิตรครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดและมอบประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้า SMEs ของประเทศไทยให้เติบโตและประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน