เปิดบริษัท”ASEAN 100″ปี59 กำไรเพิ่ม18% “อินโด-เวียดนาม”เนื้อหอม ไทยต้องสู้ด้วยสินค้าไฮเทค

“บล.เมย์แบงก์” เปิดข้อมูล “ASEAN 100” ปี 2559 ทำกำไรเพิ่ม 18% ตอกย้ำภาพความพร้อมธุรกิจสร้างการเติบโต ชี้ทิศทางปีหน้าการลงทุนรัฐ และเอกชนจะเป็นพระเอก ระบุไทยเดินมาถูกทางต้องสู้ด้วยเทคโนโลยี มองส่งออกสินค้าไฮเทค

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บรรยายพิเศษ “ถอดรหัสขุมพลังอาเซียน” ภายในงานสัมมนา “Thailand 2018” ที่จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันนี้ (15 พ.ย.60) ว่า ปีนี้ยังเป็นอีกปีที่ได้มีโอกาสรวบรวมข้อมูล ASEAN 100 ในปี 2559 เพื่อเป็นภาพธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในปี 2561 ซึ่งพบว่ารายได้รวมของ 100 บริษัทมีมูลค่า 26.85 ล้านล้านบาท ลดลง 0.58% แต่แม้ว่ารายได้บริษัทจะลดลง กลับพบว่าบริษัทมีความสามารถลดต้นทุนดีมาก เพราะกำไรสุทธิ 100 บริษัทปรับเพิ่มขึ้น 18%

“บริษัทที่มีรายได้สูงสุดอันดับ 1 ใน 100 บริษัทอาเซียน คือ กลุ่มบริษัท ปตท. ปรับอันดับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในอันดับ 2 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทในไทย แต่หากดูข้อมูล 10 อันดับแรกในเชิงรายได้สูงสุด กลับพบว่าบริษัทในประเทศไทย มี ปตท.ติดอันดับเดียว ที่เหลือประกอบไปด้วย บริษัทจากสิงคโปร์ 7 บริษัท และฟิลิปปินส์อีก 2 บริษัท แสดงให้เห็นว่าทุกประเทศกำลังสร้างการเติบโต”

สำหรับทิศทางธุรกิจในปีหน้า นักลงทุนรายใหญ่จีนจะมาแรง หลังการเมืองเริ่มนิ่งและจีดีพีจีนส่งสัญญาณกลับมาเติบโต 9-10% นั่นเป็นสัญญาณที่เงินจะออกมาลงทุน เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ดังนั้นการลงทุนจะเป็นพระเอกในปีหน้า และแน่นอนว่าเทรนด์การลงทุนจะหันไปสู้ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี การส่งออกสินค้าไฮเทค เป็นการดึงดูดตัวของเงินลงทุนต่างประเทศเป็นอย่างดี บทสรุปตอนนี้เราหาจุดเปลี่ยน เดินมาถูกทางแล้ว โอกาสก็มี เหลือเพียงแต่เราจะทำได้หรือไม่

ทั้งนี้ ขีดความสามารถในการแข่งขัน วัดจากภาคการแข่งขันด้านดิจิทัลของอาเซียน อันดับ 1 คือ สิงคโปร์ อันดับ2 มาเลเซีย อันดับ3 ไทย อันดับ 4 ฟิลิปปินส์ อันดับ 5 อินโดนีเซีย ดังนั้นไทยยังมีการบ้านที่ต้องไปทำต่อ