เหตุใดไทยอาจจะเป็นชาติเดียวในอาเซียนที่พลาดการชมฟุตบอลโลก 2022

เหลือเวลาอีกไม่ถึง 20 วันก่อนนัดแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 จะเริ่มฟาดแข้ง ที่การ์ต้าประเทศเจ้าภาพ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า คนไทยกว่า 60 ล้านคนจะได้รับชมมหกรรมกีฬาครั้งสำคัญนี้หรือไม่เนื่องจากหาผู้ที่จะซื้อลิขสิทธิการถ่ายทอดสดในประเทศยังไม่ได้

แม้ว่า พล.อ. ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้กำชับ กกท. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาให้เร่งดำเนินการประสานงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้คนไทยได้ชมการถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2022 แต่แล้วผลการหารือยังไม่มีข้อยุติ

billboard ads

ที่มาของภาพ, Getty Images

ประเด็นที่สำคัญที่ทำให้ราคาค่าลิขสิทธิ์ที่ค่อนข้างสูง โดยมูลค่าลิขสิทธิครั้งที่แล้วที่มีเอกชนลงขันกัน 9 ราย ที่ถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ 3 รายคือ ทรูโฟร์ยู อมรินทร์ทีวี และช่อง 5 เมื่อ 4 ปีที่แล้วยังมีต้นทุนถึง 1.4 พันล้านบาท

เพราะเหตุใด การถ่ายทอดฟุตบอลโลกครั้งนี้ จึงมีความเสี่ยงที่ชาวไทยจะพลาดโอกาสสำคัญไป บีบีซีไทยรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาเล่าดังนี้

ไทยเป็นเพียงชาติเดียวในอาเซียนที่ยังไม่มีลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก

จนถึงขณะนี้ ไทยยังไม่มีตัวแทนที่เข้าซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2022 ในขณะที่ชาติต่าง ๆ ในกลุ่มอาเซียนมีผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดจาก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ทั้งหมดแล้ว โดยส่วนใหญ่ได้รับลิขสิทธิครอบคลุมสื่อทุกแฟลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น โทรทัศน์ วิทยุ มือถือและอินเทอร์เน็ต

นักฟุตบอลทีมชาติรัสเซียฉลองหลังเอาชนะทีมชาติสโลวาเกีย ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกลุ่มเอช ที่สนามอัค บารส์ กรุงคาซาน ของรัสเซีย

ที่มาของภาพ, Getty Images

ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ในภูมิอาเซียนจากข้อมูลของฟีฟ่าและการรายงานผ่านสื่อประกอบด้วย

  • กัมพูชา– บ. คัมโบเดียน บรอดคาสติ้ง เซอร์วิส บริษัทเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ระดับชาติของกัมพูชา
  • อินโดนีเซีย – มีผู้ถือลิขสิทธิ์ 4 ราย เป็นสถานีโทรทัศน์ 3 รายและบริษัทด้านการเผยแพร่เนื้อหาทางระบบออนไลน์อีก 1 ราย
  • สปป.ลาว – บ. ลาว เอเชีย แปซิฟิก แซทเทลไลท์ ผู้ให้บริการด้านการส่งสัญญาณระบบดาวเทียม โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
  • มาเลเซีย– บ. แอสโตร มีแซท มาเลเซีย ผู้ให้บริการเคเบิลทีวีและทีวีผ่านอินเทอร์เน็ตรายใหญ่
  • เมียนมา – บ. สกาย เน็ต เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม
  • ฟิลิปปินส์– บ. ทีเอพี ดิจิทัล มีเดีย เวนเจอร์ คอร์ป บริษัทสื่อบันเทิงรายใหญ่ครอบคลุมทุกแฟลตฟอร์ม
  • สิงค์โปร์ – สตาร์ ฮับ ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมรายใหญ่
  • ติมอร์-เลสเต – อีทีโอ-เทลโค ผู้ให้บริการสถานีโทรทัศนดาวเทียม
  • เวียดนาม – สถานีโทรทัศน์และวิทยุแห่งชาติเวียดนาม

กกท. คาดปิดดีลซื้อลิขสิทธิ์ภายในสัปดาห์นี้

เนื่องจากเหลือเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ในการเจรจาขอซื้อลิขสิทธ์จากฟีฟ่า ทำให้หน่วยงานหลักอย่าง กกท. มีการประชุมเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าว่าจะมีการเสนอรายละเอียดความพร้อม และข้อจำกัดของไทย ที่ต้องมีการประสานความร่วมมือจากหลายทาง ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ กกท. และ กสทช. รวมถึงเอกชนไปแล้ว

ทีวีดิจิทัล

ที่มาของภาพ, FACEBOOK/DIGITAL TV (NBTC)

ขณะเดียวกัน กกท. ได้ส่งข้อมูล ให้ กสทช. เพื่อรับทราบควบคู่กันไป และคาดภายในสัปดาห์นี้ ดีลถ่ายทอดสดครั้งนี้น่าจะเรียบร้อย เพื่อให้คนไทยได้ดูฟรีทั้ง 64 แมทช์การแข่งขัน

กฎ Must Have และ Must Carry ระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการแข่งขันเสรีหรือไม่

แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมโทรทัศน์รายหนึ่งบอกกับบีบีซีไทยว่า สาเหตุที่ปีนี้ไม่มีภาคเอกชนรายใดเข้ายื่นประมูลการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลกครั้งนี้ มาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของกลุ่มที่คว้าสิทธิการถ่ายทอดฟุตบอลโลกครั้งที่แล้ว ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ ซึ่งประกอบด้วยเอกชน 9 ราย

ประกอบด้วย บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ, เครือเจริญโภคภัณฑ์, บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอจี ดีเวลลอปเมนท์, ธนาคารกสิกรไทย, กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์, บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล, บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น และ บมจ. คาราบาวกรุ๊ป

โดยครั้งนั้นเพื่อให้เป็นไปตามกฎของ กสทช. ที่กำหนดให้รายการแข่งขันกีฬานานาชาติขนาดใหญ่ต้องได้รับการถ่ายทอดโดยผู้ชมคนไทยไม่ต้องเสียเงินในการรับชมจึงทำให้ต้องถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล 3 สถานี ประกอบด้วย ช่องทรูโฟร์ยู ช่องอมรินทร์ทีวี และช่อง 5

อย่างไรก็ตาม ด้วยเม็ดเงินการลงทุนครั้งนั้นมีจำนวนมากกว่า 1.4 พันล้านบาท จึงทำให้การดำเนินการให้ได้มาซึ่งกำไรจากดีลธุรกิจครั้งนั้นไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ แหล่งข่าวรายนี้จึงระบุว่า นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาคเอกชนไม่มีความสนใจในการเข้าประมูลลิขสิทธิ์ดังกล่าวมาใช้ต่อยอดทางธุรกิจ ภายใต้กฎระเบียบของ กสทช. ดังกล่าว

กฎระเบียบ กสทช. ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ประกอบด้วย ประกาศ กสทช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์รายการ โทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป หรือ กฎมัสต์แฮฟ (Must Have) ซึ่งกำหนดให้รายการแข่งขันกีฬา 7 ประเภทที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะจะต้องออกอากาศผ่านฟรีทีวีเพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับชมเท่านั้น โดยประกอบด้วย รายการแข่งขันกีฬาซีเกมส์, อาเซียนพาราเกมส์, เอเชียนเกมส์, เอเชียนพาราเกมส์, โอลิมปิก, พาราลิมปิก, และ ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

ภาพประกอบ

ที่มาของภาพ, Getty Images

สิ่งที่ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์เกี่ยวกับกีฬา 7 ประเภทดังกล่าวเพื่อนำมาเผยแพร่ในประเทศจะต้องปฏิบัติตามภายใต้สภาพบังคับทางกฎหมายดังกล่าวด้วย พร้อมกับต้องแจ้งเจ้าของลิขสิทธิ์ในต่างประเทศทราบว่ามีระเบียบดังกล่าว เพื่อไม่ให้มีผลต่อการละเมิดลิขสิทธิ์

นอกจากนี้ ยังมีประกาศ กสทช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป หรือ กฎมัสต์แครี่ (Must Carry) ที่กำหนดให้ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตกิจการทีวีทุกประเภทของ กสทช.ต้องออกอากาศช่องทีวีดิจิตอล นั้นหมายความว่า หากแพลตฟอร์มอื่นที่นำสัญญาณการแพร่ภาพของฟรีทีวีไปเผยแพร่จำเป็นต้องนำไปเผยแพร่ทั้งช่องและทุกรายการ โดยไม่สามารถดัดแปลงหรือทำซ้ำได้

ด้วยเหตุผลดังกล่าวกลายเป็นสภาพบังคับให้ผู้ที่ซื้อลิขสิทธิการถ่ายทอดกีฬาทั้ง 7 ประเทศดังกล่าวจะต้องซื้อสิทธิแบบครอบคลุมทุกสื่อทั้งโทรทัศน์ วิทยุ มือถือและอินเทอร์เน็ต

ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับถ่ายทอดครั้งนี้ ทั้งหมดกี่แมตช์ อะไรบ้าง

สำหรับการมหกรรมแข่งขันแห่งมวลมนุษยชาตินี้ มีขึ้น 4 ปีครั้ง โดยมีทีมที่ผ่านเข้ามาในรอบสุดท้ายทั้งหมด 32 ทีม ประกอบด้วย กาตาร์, บราซิล, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, อาร์เจนตินา, อังกฤษ, สเปน, โปรตุเกส, เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ก, เยอรมนี, อุรุกวัย,

สวิตเซอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา, โครเอเชีย, เซเนกัล, อิหร่าน, ญี่ปุ่น, โมร็อกโก, เซอร์เบีย, โปแลนด์, เกาหลีใต้, ตูนิเซีย, แคเมอรูน, แคนาดา, เอกวาดอร์, ซาอุดีอาระเบีย, กานา, ออสเตรเลีย, คอสตาริก้า, และเวลส์

ทั้งหมดจะเดินทางไปฟาดแข้งกันที่กาตาร์ ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. และจะมีทีมชาติกาตาร์และทีมชาติเอกวาดอร์ เป็นคู่เปิดสนาม การแข่งขันจะจัดขึ้นในสนาม 8 แห่งใน 5 เมืองหลักของกาตาร์ ประกอบด้วยเมืองลูเซล เมืองอัล คอร์ กรุงโดฮา เมืองอัล รายยาน และเมืองอัล วากราห์ โดยสนามแต่ละแห่งสามารถจุดผู้ชมได้ราว 40,000-80,000 คน

สนามกีฬา

ที่มาของภาพ, Getty Images

โดยปกติแล้ว การแข่งขันฟุตบอลโลกจะจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อน แต่สำหรับเจ้าภาพในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเนื่องจากตั้งอยู่ในดินแดนทะเลทราย ดังนั้น ผู้จัดการแข่งขันจึงเลื่อนมาจัดในช่วงฤดูหนาวแทน (พ.ย.-ธ.ค.) อย่างไรก็ตาม สภาพภูมิอากาศยังคงถือว่าร้อน เพราะอาจจะแตะถึงอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสเลยก็ได้

เว็บไซต์บีบีซีสปอร์ต รายงานว่า ผู้จัดการแข่งขันคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมการแข่งขันตลอด 28 วันราว 1.5 ล้านคน ทว่า มีรายงานมีห้องพักที่สามารถรองรับบรรดาแฟนบอลได้เพียงราว 175,000 ห้องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แฟนบอลยังสามารถหาห้องพักเพิ่มเติมได้ที่ประเทศรอบข้างอย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สามารถนั่งเครื่องบินมาชมโดยใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น

……

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว