
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่า รัสเซียมีขีปนาวุธมากพอในการโจมตียูเครนอย่างหนักเพิ่มขึ้นอีก แต่ชาวยูเครนจะต้านทาน
ขณะนี้เหล่าวิศวกรกำลังพยายามกู้ระบบไฟฟ้าให้กลับมาใช้งานได้ หลังจากที่รัสเซียโจมตีทางอากาศเป็นระลอกที่ 9 เมื่อวันศุกร์ (16 ก.ค.) ที่ผ่านมา
การโจมตีพุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน ขณะที่อุณหภูมิลดต่ำลงกว่าศูนย์องศาในหลายภูมิภาค
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ปรึกษาหารือกับบรรดาผู้บัญชาการทหารของกองทัพเกี่ยวกับอนาคตของสงครามนี้
รัฐบาลรัสเซียระบุว่า นายปูตินได้ใช้เวลาวันศุกร์ทั้งวันที่สำนักงานใหญ่ของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย
รัฐบาลยูเครนได้กล่าวหารัฐบาลรัสเซียว่า ใช้หน้าหนาวเป็นอาวุธ
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้แสดงสัญญาณใด ๆ ว่า เสียใจต่อการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนเลย
ประธานาธิบดีปูติน ได้ปรึกษาผู้บัญชาการทหารของเขาเกี่ยวกับอนาคตของสงครามในยูเครน รัฐบาลรัสเซียระบุว่า เขาได้ใช้เวลาวันศุกร์ทั้งวันที่สำนักงานใหญ่ของปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย หลังจากมีคำเตือนจากรัฐบาลยูเครนว่า รัสเซียกำลังเตรียมโจมตีรอบใหม่ในช่วงปีใหม่นี้
รัฐบาลยูเครนได้กล่าวหาว่า รัฐบาลรัสเซียได้ใช้ฤดูหนาวเป็นอาวุธ
นายวิตาลี คลิตช์โค นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ กล่าวว่า หลายส่วนของกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนยังคงไม่มีไฟฟ้าและระบบทำความร้อนใช้งานเมื่อเสาร์ (17 ธ.ค.) แต่สามารถกู้ระบบน้ำประปาในเมืองกลับคืนมาได้แล้วทั้งหมด
- รัสเซีย ยูเครน : รัสเซียสร้างความเสียหายต่อระบบไฟฟ้าของยูเครนมากแค่ไหน
- รัสเซีย-ยูเครน : ปูติน บอกอะไรกับชาวรัสเซีย เรื่องสงครามยูเครน
- รัสเซีย ยูเครน : นักข่าวบีบีซีตามดูภารกิจปกป้องเมืองบัคมุตของทหารยูเครน
ขณะที่ไฟฟ้าในเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศก็ได้รับการกู้คืนมาแล้วเช่นกัน หลังจากที่ไม่มีไฟฟ้าใช้งานนานหลายชั่วโมงสืบเนื่องจากการโจมตีระลอกใหม่เมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ที่พุ่งเป้าโจมตีสถานีพลังงานต่าง ๆ ทั่วประเทศยูเครน
เจ้าหน้าที่ทางการระบุว่า มีสถานที่เกี่ยวกับพลังงานถูกโจมตี 9 แห่ง ขณะที่กองทัพรัสเซียได้ยิงขีปนาวุธ 76 ลูก และส่งโดรนเข้ามาโจมตีอีกหลายครั้ง
นายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ กล่าวว่า เมืองคาร์คิฟได้รับความเสียหาย “มหาศาล”
อนาสตาเซีย ผู้พักอาศัยในเมืองคนหนึ่ง กล่าวกับบีบีซีว่า การโจมตีที่เริ่มขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
“ในช่วงเวลาไม่กี่นาที แสงไฟก็เริ่มติด ๆ ดับ ๆ” คุณแม่ที่มีลูกน้อยวัย 2 เดือนกล่าว
“อีก 10 วินาทีต่อมา เราก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ ทุกอย่างแน่นิ่ง แค่นั้น”
ยูรีย์ แซก ที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม กล่าวกับบีบีซีเมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ว่า การโจมตีบ่อยครั้งของรัสเซีย ทำให้การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้าของยูเครนยากลำบากขึ้นไปอีก
ส่วนในเมืองคริฟวี รีห์ มีผู้ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว 4 คน หลังจากอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งถูกโจมตี ได้แก่ หญิงวัย 64 ปี คนหนึ่ง, สามีภรรยาวัย 30 ปี คู่หนึ่ง และเด็กชายวัย 1 ขวบ คนหนึ่ง ซึ่งมีการพบศพในช่วงกลางคืน
เสียงสัญญาณเตือนดังไปทั่วยูเครนเมื่อวันศุกร์ (16 ธ.ค.) โดยพลเอกวาแลรีย์ ซาลูชนี หัวหน้าผู้บัญชาการ กล่าวว่า การป้องกันทางอากาศได้สกัดขีปนาวุธที่ถูกยิงเข้ามาได้ 60 ลูกจาก 76 ลูก ส่วนใหญ่เป็นขีปนาวุธร่อน
เจ้าหน้าที่ทางการในกรุงเคียฟ กล่าวว่า เฉพาะที่กรุงเคียฟเพียงแห่งเดียว มีการยิงขีปนาวุธเข้ามา 40 ลูก ถือเป็นหนึ่งในการระดมยิงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อ 24 ก.พ.
เจ้าหน้าที่ทางการกล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบป้องกันทางอากาศได้ยิงสกัดขีปนาวุธเหล่านี้ไว้ได้ 37 ลูก
“มันตึงเครียดมาก แต่ตอนนี้ฉันชินแล้ว” อ็อกซานา วัย 42 ปี ซึ่งอาซัยอยู่ในกรุงเคียฟกล่าว “ฉันไม่อยากให้ลูก ๆ ของเรา ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ต้องอยู่ในชั้นใต้ดิน หลุมหลบภัย ฉันไม่ต้องการพวกเขาพบเจอเรื่องเหล่านี้”

การโจมตีของรัสเซียยังทำให้ภูมิภาคซูมีทางตะวันออกเฉียงเหนือที่อยู่ติดกับพรมแดนรัสเซียไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้งานด้วย รวมถึงเมืองทางตอนกลางของประเทศอย่างโปลตาวาและเครเมนชุก
รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธและโดรนที่ผลิตขึ้นในอิหร่านใส่ยูเครนแล้วมากกว่า 1,000 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มมีการโจมตีระลอกแรกตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.
กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักร ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีพิสัยไกลของรัสเซียต่อโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของยูเครน “เพิ่มขึ้นเล็กน้อย” ในช่วงไม่กี่วันนี้
โฟลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้เตือนเมื่อวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) ว่า การโจมตีโรงไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นอาจ “นำไปสู่ความเลวร้ายมากขึ้นของสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมและทำให้เกิดการพลัดถิ่นฐานมากขึ้น”
“ผมโกรธ” เยลีซาเวตา วัย 21 ปี “พวกเขา [รัสเซีย] กำลังทำลายชีวิตผู้คนของเรา เราชินกับมันแล้วในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ รัสเซียไม่ได้อยู่ที่นี่”
ด้านอนาสตาเซีย กล่าวว่า ชีวิตกำลังมีความลำบากมากขึ้นขณะที่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว
“ตอนช่วงเวลากลางวันยังโอเค พอทนได้ ฉันสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ แต่เมื่อข้างนอกฟ้ามืดลง ฉันก็เริ่มมีปัญหา เพราะฉันต้องมองให้ชัดเพื่อตวงนมผงให้ลูก และยังต้องคอยเฝ้าดูลูก เป็นเรื่องที่เครียดมาก” เธอกล่าว
“และแน่นอนว่า แค่ผลของการที่เราไม่มีไฟฟ้าใช้ ก็ทำให้เกิดความตึงเครียดและความเครียดมาก ดังนั้น เราต้องเอาตัวรอดในช่วงกลางคืน และเมื่อฟ้าสว่างก็เริ่มดีขึ้น แต่เราไม่สามารถเปรียบเทียบกับช่วงเวลาปกติได้”
…………
ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว