ไครเมีย สมรภูมินี้ยังไม่จบ จุดล็อกเป้า “โดรนโจมตี” ครั้งใหม่

ไครเมีย รัสเซีย ยูเครน
Photo by STRINGER / AFP

ไครเมียถูกโจมตีโดยโดรนล็อกเป้าหมายอีกครั้ง นับเป็นครั้งที่ 4 ของเดือนส.ค. ที่ไครเมียถูกโจมตี ตรงกับช่วงเวลาเลขาธิการ ยูเอ็น เยือนยูเครนสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

วันที่ 21 สิงหาคม 2565 บีบีซี รายงานว่า กองกำลังรัสเซียในไครเมียตกเป็นเป้าหมายของโดรนโจมตีครั้งใหม่ โดยผู้นำภูมิภาคของรัสเซีย เปิดเผยว่า โดรนยูเครนมุ่งเป้ากองเรือทะเลดำของรัสเซียในเมืองเซวาสโทพอล ถูกยิงตกเมื่อวันวานนี้ (20 ส.ค.) ตามหลังการโจมตีกองกำลังรัสเซียและสถานที่ปฏิบัติงานนอกชายฝั่งในคาบสมุทรไครเมียในช่วงต้นเดือน ส.ค.

ทั้งนี้ เมื่อวันวานนี้ มีภาพวิดีโอเผยแพร่ภาพควันที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่ในเซวาสโทพอล ซึ่งเป็นที่ตั้งกองเรือทะเลดำของรัสเซีย แม้ว่า BBC News จะระบุด้วยว่า ไม่สามารถตรวจสอบภาพได้อย่างอิสระ

มิคาอิล ราซโวซาเยฟ ผู้ว่าการรัฐ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยรัสเซีย กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ร้ายแรงนี้ว่า การป้องกันทางอากาศของกองทัพเรือเปิดใช้งานแล้ว และโดรนยูเครนถูกทำลายแล้ว เนื่องจากระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับได้กลับมาใช้งานในพื้นที่เซวาสโทพอลแล้ว

“มันตกลงบนหลังคาสำนักงานใหญ่” เขากล่าว “ไม่มีความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญและไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ”

หลายวันที่ผ่านมา มีรายงานการโจมตีด้วยโดรนหลายครั้งในคาบสมุทรไครเมีย รวมถึงในฐานทัพอากาศใกล้เซวาสโทพอลในวันพฤหัสบดี (18 ส.ค.) และอีกหนึ่งครั้งที่ท่าเรือในวันศุกร์ (19 ส.ค.)

เมื่อต้นเดือน ส.ค. เครื่องบินของรัสเซีย 9 ลำถูกทำลายในการโจมตีฐานทัพทหารรัสเซียที่ Saky บนชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรไครเมีย และมีการเผยแพร่ภาพวิดีโอบนโซเชียลมีเดียในขณะนั้นเผยให้เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่หลบหนีออกจากรีสอร์ตใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยูเครนไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธการมีส่วนร่วมในการโจมตีครั้งล่าสุด

รัสเซียชี้ผู้กระทำการ อาจเป็นกองกำลังพิเศษยูเครน

ด้านรัสเซียตำหนิการก่อวินาศกรรมครั้งนี้ และบ่งชี้ถึงการปฏิบัติการทางทหารพิเศษบางอย่างอาจเป็นเพราะกองกำลังของยูเครน หรือผู้ที่ภักดีต่อรัฐบาลยูเครน

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ของชาติตะวันตกกล่าวว่าเหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบด้านปฏิบัติการและจิตวิทยาอย่างสำคัญต่อกองกำลังรัสเซีย ในเวลาที่เลขาธิการองค์การสหประชาชาติเยือนยูเครนและเข้าไปในพื้นที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ซาโปริซเซีย ซึ่งอยู่ทางเหนือของไครเมีย เมื่อวานนี้ (20 ส.ค.)