หลักการใหญ่ของผม ลงทุนต้องหาเมกะเทรนด์ก่อน สอง หาผู้ชนะให้ได้ สาม ราคาคุ้มมั้ย เรียกว่า 3 หลักใหญ่เลย ถ้าไม่ครบอันนี้ลำบาก หายาก ซึ่งหา 3 อย่างครบ ตอนนี้ผมว่าในประเทศไทยหายาก
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ “ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” ในแวดวง วงการตลาดหุ้นไทย เชื่อไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะท่านเป็นกูรูนักลงทุนวีไอ หรือนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า ที่มองการลงทุนแบบระยะยาว อีกทั้งท่านยังเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนหุ้นในตลาดเวียดนาม จนกลายเป็น “เศรษฐีระดับพันล้าน”
วันนี้ Prachachat Wealth เล่าเรื่องการลงทุน มีโอกาสพิเศษได้ร่วมพูดคุยกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ซึ่งท่านจะมาเปิดสูตรเคล็ดลับการลงทุนแบบ “มองกระจกหลัง” พร้อมเคล็ดลับการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต ผ่าน 3 หลักการใหญ่ ที่สร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน วันนี้ไปร่วมรับชมฟังกันเลยครับ
ลงทุนแบบ “มองกระจกหลัง” สไตล์ “ดร.นิเวศน์”
ผมเป็นนักลงทุน ผมก็ศึกษานักลงทุนระดับโลกทั้งหลาย ส่วนใหญ่จะบอกว่าจะเอาประวัติศาสตร์มาลงทุน หรือเขาเรียกว่ามองกระจกหลัง “ปีเตอร์ ลินซ์” (peter lynch) บอกว่าจะมองกระจกหลังลงทุนไม่ได้ ต้องมองไปข้างหน้า กระจกหลังนี่คืออดีต คือสิ่งที่ผ่านมา
แต่ผมเองผมกลับคิดว่า ผมใช้พวกนี้เยอะ เพราะผมรู้สึกว่าถ้ามีประวัติยาวนานที่เก่ง ยั่งยืน อนาคตมีโอกาสเป็นแบบนั้นต่อไปมากกว่า มากกว่าที่จะใช้เฉพาะปัจจุบันกับอนาคต พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการคาดการณ์ พอเห็นโตแล้วคิดว่าจะโตแบบนั้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งจริง ๆ ไม่มี เพราะฉะนั้นหุ้นพวกนั้นเราจะข้ามไปเยอะ คือถ้าโตเร็วมาก แป๊บเดียวก็ลงแล้ว
คือคำว่า “มองกระจกหลัง” ก็ไม่เชิง แต่เป็นมอง “ประวัติศาสตร์”
เพราะเรารู้สึกว่าประวัติศาสตร์ให้บทเรียน สอนให้เรารู้ว่าในที่สุดแล้วเหตุการณ์จะเป็นยังไง บริษัทจะเป็นยังไง บริษัทแบบนี้เคยผ่านมาแล้ว ผ่านประวัติมาแล้ว เราก็จะเห็น ถ้าซื้อหุ้นแบบนี้ ประวัติก็คืออย่างนี้ คือจะโต ๆ เดี่ยวจะลงยังไง ให้บทเรียนตรงนี้ ก็เลยจะมีความมั่นใจมากกว่า
ความเข้มแข็งนี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด การเติบโตยังเป็นรองลงมา เพราะความเข้มแข็งจะเป็นการบอกว่าจะอยู่ได้ยาวขนาดไหน
กิจการที่ไม่เข้มแข็งจะอยู่ระยะยาวและเติบโตดีไม่ได้ ต้องเข้มแข็ง เป็นผู้นำอันดับ 1 เป็นคนที่มีคุณสมบัติบางอย่าง ที่คู่แข่งไม่สามารถเข้ามาแข่งได้ หรือมาทำลายได้ และก็ต้องเติบโตด้วย เพราะถ้าถือ 10 ปี แล้วไม่โต ได้เฉพาะปันผล ก็ไม่คุ้ม แต่ก็จะต้องโตด้วย
แต่การโตจะโตแบบเป็น Super Growth จริง ๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะในระยะยาวแล้วจะโตแบบ Super Growth ไม่ได้ ก็จะโตแบบค่อนข้างดี เขาถึงจะเรียกว่ายั่งยืน
เพราะฉะนั้นที่เราเห็นหุ้นบางตัวขึ้นไปที 10 เท่า 5 เท่า แป๊บ ๆ และคนก็มาบอกว่าเป็นหุ้นซูเปอร์ กำไรมหาศาล หุ้นขึ้นไปมหาศาล เป็นหุ้นที่ผมหลีกเลี่ยงหมดเลย
เพราะเรารู้ว่าการที่เติบโตรุนแรงแบบนั้น จริง ๆ แล้ว ร้อยละ 99 ไม่สามารถจะยั่งยืนได้ เพราะถ้ายั่งยืนได้จะกลายเป็น ตัวเดียว ใหญ่ครองโลกได้ ซึ่งไม่ใช่ เพราะเราเรียนรู้ประวัติศาสตร์เยอะ
ผมเป็นนักลงทุนระยะยาว ผมจะมองระยะยาวเสมอ ระยะสั้นมีไว้เพื่อบางทีทำให้เกิดโอกาสเท่านั้นเอง
และก็ที่ประสบความสำเร็จ ต้องถือว่าร่ำรวยขึ้นมาก็มองระยะยาวทั้งนั้น หุ้นแต่ละตัวถือมาก็เป็น 10 ปีขึ้นเป็นส่วนใหญ่ กว่าจะขายนี่ 10 ปี บางตัวตอนนี้ 10 กว่าปีแล้วยังไม่ได้ขายเลย ก็ยังอยู่ในพอร์ต
เคล็ดลับเลือกหุ้นเข้าพอร์ต สไตล์ “กูรู VI”
หลักการใหญ่ของผม ลงทุนต้องหาเมกะเทรนด์ก่อน สอง หาผู้ชนะให้ได้ สามราคาคุ้มมั้ย เรียกว่า 3 หลักใหญ่เลย ถ้าไม่ครบ อันนี้ลำบาก หายาก ซึ่งหา 3 อย่างครบตอนนี้ ผมว่าในประเทศไทยหายาก หนึ่ง โตเร็ว ซึ่งที่มีโตเร็วก็ยังมี แต่หาผู้ชนะ ตอนนี้อย่างโรงพยาบาล ก็ยังพอมีบ้าง แต่ไปตายอันที่สาม คือราคาแพง คือต้องให้ครบ ถ้าไม่ครบ ยังไม่ใช่ ถ้าครบเมื่อไหร่ ใช่
ทีนี้ยิ่งภาวะที่ตลาดหุ้นไม่ได้ลงหนัก ตลาดหุ้นไทยไม่ได้ลงเลย 10 ปีแล้ว ไซด์เวย์มาเกือบ 10 ปี ไซด์เวย์แปลว่าไม่เกิดโอกาส คือไม่เคยลงมาเยอะ พอไม่ลงมาเยอะ ราคาก็ไม่ถูก ไม่เข้าประเด็นที่สาม
นี่คือหลักการลงทุนแบบ Super Stock ของผม ให้มี 3 ข้อ ต้องเอาให้ครบ ขาดอันใดอันหนึ่งก็อาจจะไม่ได้
เมื่อ 20 กว่าปีก่อนผมเห็นเต็มไปหมด ผมก็ซื้อหมด ซื้อหมดตัวเลย มีเงินไม่มาก แต่ซื้อหมดเลย และก็เป็นจริง ผ่านมา 20 ปี 30 ปี เราเริ่มเห็นแล้วว่า โอโห้จริงเลย เรากำไรมโหฬาร ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ไม่ได้ทำอะไรมาก เลือกให้ถูก และวางไว้เฉย ๆ
แต่ถามว่าวันนี้ผมบอกว่า ถ้าเข้ามาในตลาดหุ้นไทยวันนี้ เป็นหนุ่มที่เพิ่งจะเริ่มเข้ามา หวังจะร่ำรวยแบบสมัยก่อน สำหรับผมแล้ว ผมบอกว่าถ้าผมย้อนหลังกลับไป 25 ปี และผมเกิดในประเทศไทย ลงทุนในประเทศไทย ผมจะเป็นแบบนี้มั้ย คำตอบที่ผมบอกได้ชัดเลยคือไม่
ผมอาจจะไม่ Success (ประสบความสำเร็จ) เพราะว่าวิธีการที่ผมใช้ ตอนนี้หาหุ้นไม่เจอ เมกะเทรนด์คืออะไร ตอนนี้ประเทศไทยอะไรคือเมกะเทรนด์ ยากมากเลยนะ
มีเหมือนกัน ใช้โซเชียล แต่ถามว่าแล้วบริษัทอะ มีมั้ย เมกะเทรนด์ในประเทศไทย มี แต่บริษัทที่จะลงทุนมีมั้ย ไม่มี
เพราะบริษัทที่ให้บริการพวกเรา เขามาจากต่างชาติทั้งนั้น ถูกมั้ย ไม่มี แล้วเราจะไปลงทุนได้ยังไง
ทีนี้บางอันก็ยังมี เช่น บอกโรงพยาบาลยังอยู่นะ เพราะพวกเราแก่ตัว เป็นเมกะเทรนด์ ผมก็บอกใช่ แต่ไม่แรงมาก เพราะเด็กเราหาย
ท่องเที่ยวเองก็มีศักยภาพ แต่ท่องเที่ยวเป็นธุรกิจที่โตจริง เป็นเมกะเทรนด์จริง แต่หาผู้ชนะไม่ค่อยได้ นี่สำคัญ ต้องหาผู้ชนะให้ได้
แต่ประเด็นใหญ่อยู่ตรงนี้ครับว่า ถ้าโตเร็วแล้วราคาหุ้นแพง อันนี้ไม่คุ้ม
เวียดนามสะท้อนภาพตลาดหุ้นไทยในอดีต
เวียดนามตอนนี้ยังดีต่อไปอีกอย่างน้อย 20 ปีเลย เพราะว่าเวียดนามตอนนี้รายได้เขาเหมือนกับเมื่อประมาณ 10 กว่าปีก่อนของเรา ภูมิประเทศเขาเหมือนกับเราเลย ตอนนี้ไม่ได้แตกต่างเลย สิ่งที่ต่างกันก็คือรายได้ ห่างกันประมาณ 20 ปี อาจจะไม่ถึงแล้วตอนนี้ เราถามตัวเองว่า 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเป็นอย่างไร และเราก็จะรู้ล่ะว่าอีก 20 ปีของเวียดนามน่าจะมีพัฒนาการยังไง เรายังจำได้
เมื่อ 20 ปีที่แล้ว รถยนต์ป้ายแดงเต็มถนนเลย ร้านช็อปปิ้งมอลล์เริ่มบูม ร้านสะดวกซื้อพรึ่บ ๆ เราเห็นหมดล่ะ การท่องเที่ยว การใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน สมัยก่อน 30-40 ปีที่แล้ว ยกตัวอย่าง มีคนมาขายประกันเรา เขาขายยากมาก ไม่มีใครเอา แต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เราเริ่มรู้สึกว่าธุรกิจประกันดีมากขึ้นเยอะ เพราะทุกคนประกันกันใหญ่เลย นี่ไงเวียดนาม ตอนนี้ถ้าธุรกิจประกันก็ต้องมา
เพราะฉะนั้นพูดง่าย ๆ ว่า ธุรกิจอะไรในเวียดนามจะดี เพราะเรารู้แล้วว่า 20 ปีที่แล้ว ธุรกิจอะไรที่เมืองไทยที่ดี
ค่อย ๆ ซื้อ super stock เพิ่มขึ้นมา จนกระทั่งมี Super Stock เหมือนเมืองไทยตัวใหญ่ ๆ สัก 10 ตัว และก็ซื้อไปเรื่อย ๆ ซื้อแล้วรออีก 10 ปี คือการหา Super Stock พอหาเจอแล้ว แค่ตาม ไม่ต้องทำอะไร
การปรับพอร์ตลงทุนในปัจจุบัน
ก็ส่วนใหญ่ก็ยังไปเวียดนาม แต่ไปน้อย ๆ ล่ะ
ผมอยู่มา 6 ปีเต็ม ๆ ผลตอบแทนสัก 70% โดยรวม ๆ และเงินผมทยอยเข้าไป ตอนนี้พอร์ตขึ้นมา 70% ก็ถือว่าไม่เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้ดี ปกติปีหนึ่งประมาณ 7-8% แต่ว่าผมไม่สนใจหรอก เพราะว่าเวียดนามเขายังไม่ถึงจุดที่เรียกว่า “จุดบูมของหุ้น”
คือเมืองไทยถ้าดูให้ดี เมืองไทยของหุ้นจะมีจุดบูม เศรษฐกิจเราโตมาตลอดหลาย 10 ปีที่ผ่านมา แต่หุ้นมีช่วงบูมอยู่ไม่กี่ช่วง
แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่บูม และเจอปี 2540 เน่าไปแบบ 80-90% แต่ก็ขึ้นมาใหม่ คือเศรษฐกิจที่ยังโตได้ จะเป็นลักษณะขึ้นลงแรง ลงก็ลงหนักมาก แต่จะขึ้นกลับไปใหม่เสมอ ถ้าเศรษฐกิจยังโตจะขึ้นไปได้ใหม่และเลยของเก่าไปได้เสมอ เมืองไทยสมัยก่อนก็เป็นอย่างนี้ แต่หลังจากนี้อาจจะบอกว่าไม่ขึ้นเกินของเก่า นี่พวกเทคนิคเขาจะพูดกันว่า ถ้าขึ้นไม่เลยของเก่า ต้องระวัง เดี่ยวจะลง
แต่เวียดนามผมไม่ได้ห่วงเลย ตอนนี้ห่วงแค่ว่าต้องหาซื้อหุ้น Super Stock ให้ได้เยอะ ในราคาที่ไม่แพง ซึ่งก็เป็นตอนนี้ที่ราคาไม่แพง