พิธา วืดนายกฯโหวตรอบแรก หอการค้าประเมิน ม็อบไม่รุนแรงจีดีพียังโต 3-3.5%

หอการค้าไทย ประเมินสถานการณ์กรณีผลโหวตที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติ ยังไม่เห็นชอบให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ม็อบไม่รุนแรงยังไม่กระทบจีดีพี 3- 3.5% จี้เร่งตั้งรัฐบาลหวั่นกระทบงบฯปี’67 ลากยาว Q2 ปี’67 กระทบความเชื่อมั่น

วันที่ 14 กรกฎาคม 2566 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากผลการลงคะแนนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หอการค้าไทย เชื่อว่ากระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยในทางรัฐสภาได้พยายามเดินหน้าอย่างเต็มที่ ซึ่งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่เป็น candidate ยังไม่สามารถผ่านการลงคะแนนได้ในครั้งแรก

ซึ่งก็ยังมี Timeline ครั้งที่ 2-3 ตามที่มีกำหนดออกมาเบื้องต้นในวันที่ 19 และ 20 ก.ค. โดยหลังจากนี้ทั้ง 8 พรรคร่วมคงจะกลับไปทำความเข้าใจและเจรจาพูดคุยเพื่อหาแนวทางร่วมกันใหม่อีกครั้ง และคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปอย่างใกล้ชิด

               

ด้านการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้น ถือเป็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนภายใต้กฎหมายที่สามารถทำได้ และวันนี้เราเห็นแล้วว่าทุกฝ่ายต่างยอมรับและเคารพในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเชื่อว่าในระยะสั้นการชุมนุมจะอยู่บนพื้นฐานของความเรียบร้อย ไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่หลายฝ่ายมองว่าสามารถเติบโตได้ทั้งปี 3-3.5%

อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินสถานการณ์ แต่หอการค้าฯ ยังคงเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีกระบวนการหารือและทำความเข้าใจร่วมกัน ในที่สุดทุกฝ่ายจะเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ และสนับสนุนให้เกิดรัฐบาลใหม่โดยเร็วที่สุด เพราะหากได้รัฐบาลล่าช้าออกไป การจัดตั้ง ครม.และการประกาศนโยบายต่อรัฐสภาอาจจะเกิดขึ้นช่วง ส.ค.-ก.ย. 66

และกว่าจะจัดทำงบประมาณแล้วเสร็จอาจได้เริ่มใช้งบประมาณประเทศในไตรมาส 2 ปี’67 ซึ่งจะล่าช้าและกระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและนักลงทุนต่างประเทศ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเอกชนจึงอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่รวดเร็วที่สุด เพื่อเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้