ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจีน JD.com ท้าชนอาลีบาบา เซ็นสัญญาซื้อทุเรียนกับบริษัทส่งออกรายใหญ่ของไทย

แฟ้มภาพ

วันที่ 2 พฤษภาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบริษัท ควีน โฟรเซ่น ฟุต จำกัด ทำหนังสือเชิญสื่อมวลชนร่วมงานเซ็นสัญญาเอ็มโอยูกับ JD.com (บริษัทในเครือ Beijing Jingdong century Trade) โดยระบุว่าเป็นงานเซ็นสัญญา MOU การค้าขายสั่งซื้อทุเรียนและผลไม้ไทย จำนวนมหาศาลสู่ประเทศจีนและการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซระหว่าง JD.com ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของประเทศจีน คู่แข่งรายสำคัญของ อาลีบาบา กับ บริษัท ควีน โฟรเซ่นฟุต จำกัด โดยคุณกาญจนา แย้มพราย ประธานกรรมการผู้ประกอบธุรกิจผลไม้ส่งออกรายใหญ่ของไทย ในวันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2561 เวลา 11.30 น. ณ บริษัทควีน โฟรเซ่น ฟรุต จำกัด ตลาดไทย จ.ปทุมธานี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ JD.com Jd.com ก่อตั้งโดย “ริชาร์ด หลิว” หรือหลิว เชียงตง ในปี 1988 เริ่มจากการเป็นร้านขายอุปกรณ์ไอทีในย่านจงกวานซุนของปักกิ่ง ก่อนที่จุดพลิกผันจะเกิดขึ้นในปี 2003 ที่เกิดเหตุโรคซาร์สระบาดในเอเชีย ทำให้หลิวตัดสินใจก่อตั้งร้านค้าออนไลน์ jdlaser.com ในปี 2004 และนี่จุดเริ่มต้นของอีคอมเมิร์ซจีนที่ได้ชื่อว่า “อเมซอนแห่งจีน” (ตัวจริง) นักวิเคราะห์หลายเสียงเปรียบ JD.com ว่าคือ Amazon.com เพราะ JD.com มีการลงทุนโครงข่ายโลจิสติกส์จำนวนมหาศาล ทั้งศูนย์กระจายสินค้าในจีนกว่า 6,900 แห่ง และพนักงานส่งสินค้ากว่า 7 หมื่นคน (จากพนักงานราว 120,000 คน) รวมถึงการจัดแพ็กเกจ ตลอดการสต๊อกสินค้าด้วยตัวเอง ทำให้สามารถส่งด่วนภายใน 1 วัน ได้เหมือนอเมซอนใน 43 เมืองใหญ่ของจีน ทั้งมั่นใจตได้ว่าสามารถส่งมอบสินค้าคุณภาพและของแท้ให้แก่ลูกค้า ซึ่งแตกต่างจากอาลีบาบา ที่เป็นอีคอมเมิร์ซในลักษณะของมาร์เก็ตเพลซที่ให้ผู้ค้ารายย่อยเข้ามาใช้เป็นช่องทางขายสินค้า