ทิงคอฟขายหุ้นกลุ่มธุรกิจการเงิน หลังวิจารณ์ผู้นำรัสเซียทำ “สงครามบ้าคลั่ง”

โอเล็ก ทิงคอฟ
โอเล็ก ทิงคอฟ นักธุรกิจ วัย 54 ปี อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ TCS Group ผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเคลมลินรุกรานยูเครน ผ่านอินสตาแกรมว่า ทำสงครามบ้าคลั่ง ( Photo by OLGA MALTSEVA / AFP)

บริษัทอภิมหาเศรษฐกิจ “วลาดีมีร์ โปตานิน” ประกาศเข้าซื้อกิจการการเงิน “ทีซีเอส กรุ๊ป” สัดส่วน 35% จากนักธุรกิจปากกล้า “โอเล็ก ทิงคอฟ” เจ้าของหุ้นเดิม หลังวิจารณ์รัฐบาลปูตินรุกรานยูเครนว่าเป็น “สงครามบ้าคลั่ง”

วันที่ 2 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่สุด อินเตอร์รอส กรุ๊ป ธุรกิจที่ก่อตั้งโดย “วลาดีมีร์ โปตานิน” อภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย วัย 61 ปี หนึ่งในบุคคลที่ถูกเรียกว่า ” โอลิการ์ก” (Oligarch) ของรัสเซีย ก็ประกาศเข้าซื้อหุ้น 35% ในบริษัท ทีซีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง ของ “โอเล็ก ทิงคอฟ” นักธุรกิจ วัย 54 ปี ผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเคลมลิน ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน กรณีรุกรานยูเครนว่าเป็น “สงครามบ้าคลั่ง” และเขาระบุด้วยว่า 90% ของชาวรัสเซียไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้

bne IntelliNews สื่อเยอรมนี รายงานว่า ข้อตกลงการเข้าซื้อหุ้น TCS ของ โปตานิน มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัท อินเตอร์รอส กรุ๊ป และผู้ถือหุ้นรายใหญ่บริษัท นอริลค์ นิกเกิล (Norilsk Nickel) ผู้ผลิตแพลเลเดียมและนิกเกิลบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในครั้งนี้ ได้รับการอนุมัติจากธนาคารกลางรัสเซีย หรือ CBR เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ TCS Group เป็นธุรกิจให้บริการด้านการเงินและไลฟ์สไตล์ดิจิทัล ก่อตั้งเมื่อปี 2549 มีธุรกิจในกลุ่ม ได้แก่ ธนาคารดิจิทัล, บริษัทหลักทรัพย์, ประกันภัย, ธนาคารสำหรับเอสเอ็มอี และธุรกิจด้านการเงินอื่น ๆ

วลาดีมีร์ โปตานิน
วลาดีมีร์ โปตานิน อภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย วัย 61 ปี หนึ่งในบุคคลที่ถูกเรียกว่า ” โอลิการ์ก” (Oligarch) ของรัสเซีย ผู้เสนอซื้อหุ้น TCS Group 35% (Photo by OLGA MALTSEVA / AFP)

การเข้าถือหุ้น 35% ของอินเตอร์รอส กรุ๊ป ใน ทีซีเอส กรุ๊ป จะส่งผลให้โปตานิน เป็นผู้ถือหุ้นธนาคารรายใหญ่ในในรัสเซีย เพราะนอกจากอินเตอร์รอส กรุ๊ปจะซื้อหุ้นทีซีเอส กรุ๊ปแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์อินเตอร์รอสก็ประกาศการเข้าซื้อกิจการธนาคารใหญ่ของรัสเซีย ที่ชื่อ Rosbank จากผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมคือ โซซิเอเต้ เจเนเรล (Societe Generale) กลุ่มกิจการการเงินจากฝรั่งเศสด้วย

รายงานข่าวดังกล่าว ระบุด้วยว่า ทีซีเอส กรุ๊ป มีธุรกิจในเครือที่น่าสนใจมากแห่งหนึ่งคือ ธนาคารทินคอฟ (Tinkoff Bank) ซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัลที่มีลูกค้ามากถึง 20 ล้านคน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลเมื่อปี 2564)

แม้ในรายงานยังไม่ได้ระบุรายละเอียดของข้อตกลง แต่มีรายงานระบุว่า โอเล็ก ทิงคอฟ เร่งรีบขายกิจการทีซีเอส ภายใต้แรงกดดันทางการเมืองที่เกิดขึ้น และน่าจะส่งผลให้ วลาดีมีร์ โปตานิน เข้าซื้อสินทรัพย์นี้ในราคาที่มีส่วนลดจำนวนมาก

ทั้งนี้ สัดส่วนถือหุ้น 35% ในทีซีเอส กรุ๊ป คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทิงคอฟ น่าจะได้เงินสูงสุดประมาณ 300-350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากข้อตกลงขายหุ้นครั้งนี้ ซึ่งนับว่าน้อยกว่าราคาเสนอซื้อกิจการนี้ ที่เคยมีคำเสนอซื้อในราคาสูงถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อ 2 ปีก่อน

ส่วนการที่ อินเตอร์รอส กรุ๊ป สามารถเข้าซื้อและดำเนินกิจการของทั้งธนาคารทินคอฟและธนาคารโรสในรัสเซียได้ ย่อมเป็นผลดีต่อการต่อยอดธุรกิจการเงินออนไลน์ เพื่อเสริมสถานะความมั่งคั่งของโปตานิน ซึ่งเป็นอภิมหาเศรษฐกิจไม่กี่คนของรัสเซีย ที่แม้จะถูกชาติตะวันตกบางประเทศคว่ำบาตร แต่ยังมีเงินสดเหลือพอที่จะซื้อสินทรัพย์อื่น ๆ ในรัสเซียเข้ามาอยู่ในพอร์ตได้

วลาดีมีร์ โปตานิน ปูติน
แฟ้มภาพ (Photo by Mikhail KLIMENTYEV / SPUTNIK / AFP)

ขณะที่มีรายงานข่าวระบุด้วยว่า โปตานิน ไม่ใช่อภิมหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรในวงกว้างในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เนื่องจากสถานะเจ้าของบริษัท Norilsk Nickel ซึ่งเป็นผู้ผลิตโลหะและนิกเกอร์รายใหญ่ของโลก และเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก เป็นข้อได้เปรียบหนึ่งที่ทำให้โปตานินในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และซีอีโอของบริษัทเหมืองแร่แห่งนี้ ยังรอดจากสถานการณ์นี้ (อินเตอร์รอส กรุ๊ป ถือหุ้น นอริลค์ นิกเกิล ประมาณ 35.9% ในปัจจุบัน)

ขณะที่ โชคชะตาของโอเล็ก ทิงคอฟ อดีตดาวเด่นแห่งแวดวงนักธุรกิจชาวรัสเซีย ที่ได้รับการยอมรับว่า มีความคิดสร้างสรรค์ในการดำเนินธุรกิจ เขาเริ่มต้นธุรกิจจากการก่อตั้งบริษัท ดาเรีย (Daria) บริษัทผลิตและจำหน่ายอาหารและเบียร์

ก่อนที่จะก่อตั้งธนาคาร Tinkoff ในปี 2549 และเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 84% ในกิจการของทีซีเอส กรุ๊ป และต่อมาเขาก็เริ่มทยอยขายหุ้นออกไป หลังจากตรวจพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี

โอเล็ก ทิงคอฟ
โอเล็ก ทิงคอฟ  แฟ้มภาพ Photo by KENZO TRIBOUILLARD / AFP

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2563 ทิงคอฟ เคยพยายามขายหุ้นในทีซีเอส กรุ๊ปมาแล้ว และก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน ทีซีเอส กรุ๊ป เคยประกาศกลยุทธ์ธุรกิจปี 2023 (พ.ศ. 2566) ว่า จะเติบโตเป็นธุรกิจที่หลากหลาย ผ่านการใช้เทคโนโลยี และตั้งเป้าหมายกำไรไว้ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้อัตราผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ 30% ภายในปี 2566

รายงานจากรอยเตอร์ ระบุด้วยว่า ทีซีเอส กรุ๊ป มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ไซปรัส และเมื่อปี 2564 ทิงคอฟต้องลงจากตำแหน่งประธานธนาคารทินคอฟ เพราะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว

ขณะที่ ทีซีเอส ออกแถลงการณ์อ้างคำพูดของทิงคอฟ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “(เป็น) เวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผมที่จะเกษียณอายุและอุทิศเวลามากขึ้นในการดูแลสุขภาพและครอบครัวอันเป็นที่รักของผม”

พร้อมกันนี้ ธนาคารทินคอฟ ยังประกาศรีแบรนด์หลังจาก โอเล็ก ทิงคอฟ วิจารณ์รัฐบาลปูตินเรื่องการบุกรุกยูเครนว่า “ธนาคารได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้มานานแล้ว และเหตุการณ์ล่าสุดทำให้การตัดสินใจมีความเกี่ยวข้องมากขึ้น”