รัสเซีย-ยูเครน ไม่จบ ราคาทองคำยังมีโอกาสพุ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์

ทองคำ
REUTERS/Pedro Nunes

บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนประเมินราคาทองคำยังมีโอกาสทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อีกครั้ง หากความเสี่ยงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังอยู่ ชี้ตลาดผิดปกติ ทองขึ้นยิลด์บอนด์เพิ่ม

วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 ZAWYA.com สื่อในตะวันออกกลางรายงานระบุว่า อินเวสโค บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุน ประเมินว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะดันราคาทองคำให้สูงขึ้น แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นมาแล้วก็ตาม

โดยราคาทองคำมีโอกาสเพิ่มขึ้นไปอยู่เหนือ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อดูจากแนวโน้มที่ผ่านมาหลังเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ก็ได้ดันให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นมาแล้ว 6% ในช่วงไตรมาส 1/2565

พร้อมกับอ้างอิงข้อมูลจากบลูมเบิร์ก ที่ระบุว่า บริษัทจัดการการลงทุนเคยประเมินว่าราคาทองคำที่แตะ 1,937 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จากระดับ 1,829 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ เพิ่มขึ้น 6% เป็นการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในช่วงเดียวกับที่สินทรัพย์อื่น ๆ มีมูลค่าลดลง เช่น ดัชนี S&P 500 ตกลงไป 5%

สถานการณ์ที่เกิดความตึงเครียดในช่วงต้นปี 2565 จากการที่รัสเซียรุกรานยูเครนนั้น ทำให้ทองคำราคาขยับขึ้น พร้อมกับผลตอบแทนพันธบัตรก็เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะที่ขัดกันของสองสิ่งนี้ เมื่อมองย้อนไปในอดีต

แต่การไปเก็บสินทรัพย์ปลอดภัยของเหล่านักลงทุนก็ทำให้ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2,051 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังจากรัสเซียบุกยูเครน และทำให้ตลาดการเงินปั่นป่วนกังวลถึงความไม่แน่นอนของสงคราม

พอล แจ็คสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยการจัดการสินทรัพย์ระดับโลกของอินเวสโค กล่าวว่า เมื่อเราเห็นผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้น โดยปกติเราก็คาดว่า ราคาทองคำจะร่วงลง แต่มันก็มีบางอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น

“เราคิดว่ามีคำอธิบายที่เป็นไปได้สองประการ หนึ่ง การรุกรานยูเครนของรัสเซียอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ให้กับราคาทองคำ สอง พฤติกรรมการลงทุนทองคำที่สัมพันธ์กับเงินเฟ้ออาจเปลี่ยนแปลงได้ (หรือเป็นการกลับสู่ความสัมพันธ์เชิงบวกหลังจากความสัมพันธ์ผกผัน นับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลก)”

อินเวสโคยังอ้างถึงข้อมูลจากสภาทองคำโลกที่แสดงให้เห็นว่าเงินทุนไหลเข้าสุทธิของกองทุน ETFs (Exchange-Traded Funds) สูงถึง 187.3 ตัน หรือ 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมีนาคม ทำให้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมอยู่ที่ 2.397 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่เคยทำไว้ที่ 2.403 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนสิงหาคม 2563

ส่วนวิธีการที่ธนาคารกลางหลายแห่งใช้นโยบายการเงินแบบเข้มข้นขึ้น พร้อมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคาดการณ์ จากแรงผลักดันของอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าที่คาด อาจเป็นตัวขับเคลื่อนพื้นฐานของราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปีด้วยเช่นกัน

แจ็คสัน กล่าวด้วยว่า ในอดีต ประเมินสภาวะที่ดีที่สุดสำหรับทองคำคือสหรัฐประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่แท้จริงลดลงและทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และแบบจำลองของเราก็ชี้ให้เห็นว่าผลลัพธ์ดังกล่าวสามารถผลักดันทองคำให้สูงกว่า 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และอาจสูงขึ้น หากความเสี่ยงของรัสเซีย-ยูเครนยังคงอยู่

อีกทั้ง นักลงทุนจำนวนมากอาจคิดว่าการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีจะสามารถบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ แต่นี่ก็เป็นบทบาทเดียวกับที่นักลงทุนดำเนินการกับทองคำในพอร์ตเช่นกัน

“อย่างไรก็ตาม เราจะชี้ให้เห็นว่ามีความผันผวนสูงมาก (บิตคอยน์ลดลงจาก 67,734 ดอลลาร์เป็น 35,364 ดอลลาร์ในเวลาเพียงสองเดือน) และเมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนนักลงทุนจะลงในหุ้นเบต้าสูง (หุ้นที่คาดว่าตลาดเป็นขาขึ้น) แทนที่จะลงทุนที่หลากหลาย”