Amazon รุกตลาดประกัน ต่อยอดธุรกิจการเงิน

amazon
คอลัมน์ : Tech Times
ผู้เขียน : มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

ขยันแตกไลน์บริการเหลือเกินสำหรับ Amazon ล่าสุดชิมลางเปิดเว็บไซต์ขายประกันในอังกฤษ ก่อนขยายไปตลาดอื่นทั่วโลก

Amazon เปิดตัวเว็บ Amazon Insurance Store เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยผนึกกำลังกับบริษัทประกันอังกฤษ 3 ราย ได้แก่ Ageas, Co-op และ LV+ General Insurance เพื่อนำเสนอลิสต์เปรียบเทียบกรมธรรม์บ้านพร้อมรีวิว และคะแนนความพึงพอใจจากผู้ใช้บริการจริง เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

รอยเตอร์สรายงานว่า การเปิดตัวของ Amazon ทำให้ผู้ให้บริการเว็บเปรียบเทียบราคาอย่าง Moneysupermarket.com ที่มีรายได้กว่า 43 เปอร์เซ็นต์มาจากการขายประกันต้องประหวั่นพรั่นพรึง สะท้อนผ่านราคาหุ้นที่หล่นฮวบไปทันทีกว่า 15 เปอร์เซ็นต์

ในขณะที่หุ้นของผู้ให้บริการรายอื่นอย่าง Uswitch, Compare the Market และ GoCompare ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยราคาตกไปประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์

โมเดลธุรกิจของ Amazon Insurance Store ไม่ต่างจากเว็บเปรียบเทียบราคาทั่วไป นั่นคือเป็นเว็บที่นำเสนอการเปรียบเทียบราคากรมธรรม์ของบริษัทประกันต่าง ๆ โดยในระยะแรกจะเน้นไปที่ประกันบ้านเป็นหลัก โดยเจาะตลาดอังกฤษเป็นตลาดแรก

หลังจากลูกค้ากรอกแบบสอบถามเพื่อบอกความต้องการผ่านเว็บไซต์ ระบบจะนำเสนอตัวเลือกกรมธรรม์ตามกรอบราคาและเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ลูกค้าระบุไว้ โดย Amazon จะได้ค่าคอมมิชชั่นทุกครั้งที่มีลูกค้ากดสั่งซื้อกรมธรรม์ผ่านเว็บของตน

จากข้อมูลของ Globaldata ระบุว่า 29.4 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคอังกฤษซื้อประกันบ้านผ่านเว็บเปรียบเทียบราคา จึงไม่แปลกใจที่ Amazon จะเฝ้ามองตลาดนี้มาตั้งแต่ปี 2018

ในขณะเดียวกัน บริษัทประกันเองก็คงอยากเป็นพันธมิตรกับบิ๊กเทคระดับนี้ เพราะถึงแม้จะต้องจ่ายค่าคอมฯบ้าง แต่ก็น่าจะคุ้มกับความสามารถในการเข้าถึงฐานลูกค้าขนาดใหญ่

เบน วู้ด นักวิเคราะห์จาก CSS Insight บอก CNBC ว่า การรุกตลาดประกันของ Amazon ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของบริษัทในการขยายกิจการ นอกเหนือไปจากธุรกิจหลักที่เริ่มชะลอตัว หลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดช่วงล็อกดาวน์

ช่วงที่โควิดระบาดอย่างหนักในปี 2020 ผู้บริโภคหันมาช็อปปิ้งออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ทำให้รายได้ของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นด้วย แต่ปีนี้หลังจากที่สถานการณ์โควิดคลี่คลาย ราคาหุ้นของ Amazon ก็ลดไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เพราะนักลงทุนวิตกว่าการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อันเป็นผลมาจากปัญหาเงินเฟ้อและวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งพรวด จะส่งผลต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค

ดังนั้น เพื่อกระตุ้นรายได้ Amazon จำเป็นต้องเพิ่มค่าสมาชิก Prime ในอเมริกา จาก 119 เหรียญ เป็น 139 เหรียญ ทำให้ผลประกอบการในไตรมาสสองมีรายได้เพิ่มขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์ เป็น 121,200 ล้านเหรียญ และบริษัทคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นราว 13-17 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสสาม

การรุกตลาดประกันของ Amazon จึงถูกมองว่าเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ของบริษัทในการสยายปีกให้ครอบคลุมธุรกิจการเงินต่าง ๆ ซึ่งบริษัทได้บุกเบิกไว้แล้วก่อนหน้านี้ เช่น การจับมือกับ Superscript ในการขายประกันให้กับเจ้าพ่อกิจการเอสเอ็มอีในอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว รวมไปถึงการเป็นพันธมิตรกับ Acko General Insurance ในปี 2020 เพื่อขายประกันรถยนต์ในอินเดีย และการเปิดโครงการ “ช็อปก่อน จ่ายทีหลัง” ร่วมกับ Barclays ในอังกฤษเมื่อปีก่อน

นอกจากนี้ CNBC ยังรายงานด้วยว่า การบุกตลาดประกันของ Amazon มาในช่วงที่ InsurTech กำลังมาแรง ทำให้เชื่อได้ว่าบริษัทคงมองเห็นศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ไม่มากก็น้อย โดยหากดูที่ความสามารถในการระดมทุนจะพบว่า InsurTech ยังดึงดูดเงินทุนได้เป็นกอบเป็นกำ เช่น Wefox จากเยอรมนีสามารถระดมทุนได้ถึง 400 ล้านเหรียญไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผลักให้ค่าตัวของบริษัทดีดขึ้นไปแตะระดับ 4.5 พันล้านเหรียญทันที ในขณะที่เทคสตาร์ตอัพในวงการอื่นได้แต่มองตาปริบ ๆ

อย่างที่รู้กันดีว่า Amazon นั้นเป็นบิ๊กเทคที่ไม่เคยหยุดมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ แม้รายได้หลักจะยังคงมาจากบริการ retail แต่ธุรกิจ Amazon Web Services ของบริษัทก็มาแรงเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หมายถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่จะประสบความสำเร็จเสมอไป เช่น บริการ Amazon Care ที่บริษัทลงทุนไปมหาศาล สุดท้ายก็ต้องปิดตัวลงเงียบ ๆ ในขณะที่บริการสมาร์ทโฮมที่บริษัทหมายมั่นปั้นมือก็ยังไม่ออกดอกผลเท่าไรนัก

ส่วนการรุกตลาดประกันล่าสุดครั้งนี้ก็ยังต้องลุ้นดูกระแสตอบรับของผู้บริโภคเช่นกัน หากเสียงตอบรับดีคงได้เห็นจำนวนพันธมิตรที่เพิ่มขึ้นในต้นปีหน้า พร้อมการขยายตัวไปยังตลาดอื่นต่อไปอีกแน่นอน