ทำไมบริษัทยักษ์ระดับโลกเลือกขยายกิจการไป “ไอร์แลนด์”

ไอร์แลนด์
กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ (ภาพโดย Carmen Dominguez/ Pixabay)
คอลัมน์ : นอกรอบ
ผู้เขียน : ชนาภา มานะเพ็ญศิริ Bnomics ธนาคารกรุงเทพ

เคยสงสัยมั้ยว่า ทำไมบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ระดับโลก หรือแม้แต่บริษัทการเงินใหญ่ ๆ ถึงเลือกขยายกิจการไปยังไอร์แลนด์ ทั้ง Facebook, Google และ Intel ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคอยู่ที่ดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์

4 เหตุผลว่าทำไมบริษัทใหญ่ ๆ ระดับโลก ถึงย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ไอร์แลนด์

ถ้าอธิบายแบบสรุปสั้น ๆ ก็คงเป็นเพราะว่าไอร์แลนด์เป็นประเทศหนึ่งที่ค่อนข้างจะเอื้อสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่บริษัทที่เข้าไปตั้ง ทั้งยังเต็มไปด้วยแรงงานทักษะสูง และยังสามารถเชื่อมต่อกับตลาดทางฝั่งยุโรปได้ จึงกลายเป็นทำเลทองอีกหนึ่งแห่งสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกที่ต้องการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ

ไอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลต่ำที่สุดในยุโรป

ในปี 2003 ไอร์แลนด์ลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลลงมาอยู่ที่ 12.5% เป็นอัตราที่ต่ำเป็นอันดับต้น ๆ ในภูมิภาค

ซึ่งโดยเฉลี่ยของประเทศกลุ่ม OECD ในแถบยุโรป จะอยู่ที่ 21.7% แล้วยังต่ำกว่าประเทศตลาดร่วมในยุโรปอื่น ๆ เช่น

1.ฝรั่งเศส 25%

2.เยอรมนี 15.8%

3.ลักเซมเบิร์ก 25%

ด้วยอัตราภาษีที่ต่ำ ทำให้ไอร์แลนด์กลายเป็นประเทศที่เหมาะสมสำหรับบริษัทที่ต้องการฐานการดำเนินงานในแถบยุโรปที่คุ้มค่ากับการลงทุน

นอกจากนี้ ไอร์แลนด์ยังมีความร่วมมือทางภาษีกับตลาดที่แข็งแกร่งทั่วโลก อาทิ สหรัฐ สหราชอาณาจักร จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และแคนาดา และยังให้สิทธิประโยชน์ในการเครดิตภาษี สำหรับการวิจัยและพัฒนามาได้ 25% อีกด้วย

จึงอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนให้บริษัทระดับโลกขนาดใหญ่อย่าง Pfizer, Merck, Novartis และ Johnson & Johnson หันมาตั้งฐานการผลิต ศูนย์วิจัยและพัฒนา และออฟฟิศอยู่ที่ไอร์แลนด์

ไอร์แลนด์มีแรงงานทักษะสูงจำนวนมาก

ไอร์แลนด์มีแรงงานที่แข็งแกร่งอย่างมากเนื่องจากระบบการศึกษาที่ดี จึงได้บ่มเพาะคนที่มีความสามารถโดดเด่นเป็นที่ต้องการของบริษัทใหญ่ ๆ ในหลายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี เวชภัณฑ์

ทุกวันนี้ ไอร์แลนด์มีสัดส่วนของเด็กอายุ 18 ที่ได้รับการศึกษาสูงถึง 98% สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ในยุโรป และจากการสำรวจล่าสุดยังพบอีกด้วยว่าไอร์แลนด์ติดอันดับที่ 5 ในการจัดอันดับประเทศที่มีคุณภาพการศึกษาสูง

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มหาวิทยาลัยและวิทยาลัยท้องถิ่นเริ่มเปิดสอนหลักสูตรเกี่ยวกับ AI และเทคโนโลยี บางมหาวิทยาลัยก็มีโครงการความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี เช่น Trinity College กับ Huawei หรือ University College Cork กับ Tyndall National Institute ที่ได้ร่วมกันทำโปรแกรมเพื่อบ่มเพาะสตาร์ตอัพในประเทศ

ดังนั้นไอร์แลนด์จึงเต็มไปด้วยแรงงานที่มีทักษะที่สามารถแข่งขันได้ในโลกที่ดิจิทัลทวีความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนของ AI และเทคโนโลยีสารสนเทศ

บริษัทเทครายใหญ่อย่าง Facebook, Google, LinkedIn, Indeed, IBM และ Microsoft ก็เป็นหนึ่งในบริษัทเทคระดับโลกที่ใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้ของไอร์แลนด์ จึงเลือกไอร์แลนด์ให้เป็นสำนักงานในโซนยุโรป

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Intel ก็ลงทุนไปกว่า 1.7 หมื่นล้านยูโร ในโรงงานผลิตของไอร์แลนด์ ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าของเม็ดเงินที่ลงทุนในไอร์แลนด์ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา

และตามแผนนี้คาดว่าจะก่อให้เกิดการจ้างงานในตำแหน่งที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีระดับสูงถึงกว่า 1,600 ตำแหน่ง พิสูจน์ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อแรงงานที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีในไอร์แลนด์เป็นอย่างยิ่ง

Brexit ก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไอร์แลนด์

ในขณะที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป ก่อให้เกิดความยุ่งยากลำบากมากมาย แต่ในความวุ่นวายนั้นกลับกลายเป็นโอกาสใหม่สำหรับประเทศพัฒนาแล้ว และประชาชนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างไอร์แลนด์

บริษัทระดับโลกหลาย ๆ แห่ง เช่น Stripe และ JP Morgan ต่างก็ย้ายสำนักงานในยุโรปจากสหราชอาณาจักรมายังไอร์แลนด์ เนื่องจากมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

1) การมีศูนย์กลางทางการเงินที่มั่นคง : ดับลิน เมืองหลวงของไอร์แลนด์ เป็นที่ตั้งของศูนย์การเงินกว่า 1,000 บริษัท

2) ไม่มีกำแพงภาษา : ไอร์แลนด์และมอลตา เป็นประเทศในยุโรปเพียง 2 ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ

3) มีกฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ : เนื่องจากเป็นประเทศที่เป็นฐานให้แก่ต่างประเทศ และเป็นแหล่งของแรงงานที่มีทักษะโดดเด่นมากมาย ไอร์แลนด์จึงมีกฎหมายที่เอื้ออำนวยทั้งทางฝั่งบริษัทต่างประเทศ และคนเก่ง ๆ ที่ต้องการย้ายงาน

จากการสำรวจพบว่าหลังจากเกิด Brexit บริษัททางการเงินหลายแห่งก็ย้ายฐานที่ตั้งจากลอนดอน มายังดับลิน เช่น Barclays, Coinbase, Morgan Stanley, S&P Global, Equilend และ JP Morgan

สามารถเข้าถึงตลาดในแถบยุโรปได้ง่าย

หนึ่งในอีกเหตุผลหลักที่หลายบริษัทเลือกมาตั้งสำนักงานที่ไอร์แลนด์ ก็คือทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ ที่ดูน่าจับตามองได้ เพราะบริษัทใดก็ตามที่ขยายกิจการมายังไอร์แลนด์ ก็จะสามารถเข้าถึงสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของยุโรปได้ทันที และยังถือเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย

และเมื่อเป็นบริษัทที่ดำเนินการภายในสหภาพยุโรป จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้ามากมาย ทั้งสามารถส่งออกสินค้าไปยังประเทศใกล้เคียง และประเทศไหนก็ได้ทั่วโลก มีการคุ้มกันทางการค้าจากตลาดต่างประเทศ เช่น เอเชีย และแอฟริกา เป็นตลาดขนาดใหญ่ มั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการอะไรก็จะมีตลาดรองรับ

ไอร์แลนด์จึงเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ ว่าบางครั้งเราไม่ได้จำเป็นต้องเป็นประเทศค่าแรงถูกเพื่อดึงดูดนักลงทุนเสมอไป แต่เปลี่ยนโจทย์เป็น

“จะทำอย่างไรให้แรงงานมีศักยภาพ มีทักษะที่ตลาดแรงงานยุคใหม่ต้องการ” น่าจะสามารถดึงดูดนักลงทุนได้อย่างยั่งยืนมากกว่า…