ฉากจบ นายกฯทหาร โดย อิศรินทร์ หนูเมือง

คอลัมน์ สามัญสำนึก

การตั้งพรรคการเมืองให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-หัวหน้า คสช. ยังคงเดินหน้าชน แบบแถวกระดานเรียงหนึ่ง

ทั้งสายทหาร สายนักการเมือง และสายนักธุรกิจ ปักหมุดเทใจ

เป้าหมายให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับคืนสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรี สมัยที่ 2 หลังการเลือกตั้ง (ถ้ามี)

บันไดอำนาจ ที่พาดให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ถูกเร่งก่อสร้าง-ขึ้นรูป

ที่เดินสายใต้ดิน มี 2 พรรค แบ่งเป็นสายทหาร และสายธุรกิจพลเรือน

ที่เดินสายเปิดหน้า มีอย่างน้อย 2 พรรค ทั้งในเงาของสุเทพ เทือกสุบรรณ และไพบูลย์ นิติตะวัน

พรรคที่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งพรรค 250 เสียงยืนพื้น คือ “พรรค ส.ว.”

ถ้าต้องนับมือ-นับเสียง “ในสภา” เพื่อหานายกรัฐมนตรี “คนนอก” ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะมีคนยกมือหนุนครบ 5 ขา

หากต้องการมากกว่านั้น ยังมีพรรคอะไหล่ พร้อมให้บริการเสริม ทั้งพรรคพลังชล ชาติไทยพัฒนา ภูมิใจไทย

พูดให้ถึงที่สุด ถ้าเวลานั้นมาถึง พรรคประชาธิปัตย์ ก็คงไม่กอดอก “งดออกเสียง” 

“พรรคพวก” และ “กองหนุน” เหยียบคันเร่งสุดแรง

ข่าวกองหนุนหมุนเงินมาพักไว้ล่วงหน้า 4 หมื่นล้าน จึงถูกปูดขึ้น แบบมีที่มา-ที่ไป ทำให้คนในทำเนียบ “หัวร้อน” 

ชื่อที่หล่นบนโต๊ะจีน ในโรงแรมหรู ถึงคฤหาสน์ลับ มีอย่างน้อย 3 ชื่อ เพื่อเชื่อมฐานอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์

หนึ่งคือ ชื่อ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เป็นแสงเจิดจ้าและเงาสีเข้ม ให้พรรคพลังประชารัฐ

สองคือ “พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ” เป็นเพื่อนรัก-เพื่อนคู่คิดให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทุกสถานการณ์รบ

สามคือ “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก นายพลดาวรุ่ง ปฏิบัติภารกิจ “สายตรงจากทำเนียบ”

แต่ถ้า “ศาลรัฐธรรมนูญ” วินิจฉัย กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. “ขัดเจตนารมณ์” รัฐธรรมนูญ

ทุกอย่างที่เตรียมไว้ อาจกลายเป็นปราสาททราย

กรณีไม่มีการเลือกตั้ง ตามโรดแมป-และหรือ กฎหมายลูก 2 ฉบับ นับหนึ่งใหม่แบบไร้ไทม์ไลน์ พล.อ.ประยุทธ์มีทางเลือก 2 ทาง

ทางแรก สับเปลี่ยนกำลัง ตัดใจเอาพี่-เพื่อน-น้อง ที่มีตำหนิ ออกจากทำเนียบ แล้วตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เป็น “ประยุทธ์” สมัยที่ 2

ทางที่สอง วางกรอบไทม์ไลน์การร่างกฎหมายลูกให้แล้วเสร็จ และกำหนดโรดแมปใหม่ อาจทำให้การเลือกตั้งล่าช้าออกไป อย่างน้อย 3 เดือน อย่างมาก 6 เดือน

ไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือไม่ ชื่อของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ยังปักหมุดอยู่ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

เพียงแต่อาจมีที่มา-ที่ไป ที่ตระเตรียมไว้ต่างกรรม-ต่างวาระ

ไม่ควรลืมว่า “ฉากจบ” ของนายกรัฐมนตรี ที่ตั้งพรรคทหาร นั้นทั้งโดดเดี่ยว-ถูกหักหลัง และไม่ได้อยู่บนผืนแผ่นดินไทย จวบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต

จีรวัสส์ ปันยารชุน ลูกสาว จอมพล ป. พิบูลสงคราม เขียนฉากสุดท้าย แห่งอำนาจที่ได้มาจาก “พรรคทหาร” หลัง “การเลือกตั้ง สกปรกที่สุด” เมื่อปี 2500 ไว้ว่า…

จอมพล ป. บุคคลที่มีฉายาว่า “จอมพลกระดูกเหล็ก” นั่งอยู่เพียงลำพังด้านหลังทำเนียบรัฐบาล เป็นภาพที่แสดงออกถึงความเศร้าใจของท่าน ที่แม้กระทั่งลูกสาวแท้ ๆ ก็ยังไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น

“พอพวกประท้วงกลับออกไปจากทำเนียบแล้ว คุณพ่อท่านนั่งอยู่หลังตึกไทยคู่ฟ้า นั่งสูบบุหรี่อยู่เงียบ ๆ คนเดียว ป้าจำภาพนั้นได้แม่นเลย คุณพ่อคงจะ hurt เหมือนกัน เพราะทั้งชีวิตแทบไม่เคยมีใครมาผรุสวาทแบบนั้นกับท่าน ไม่ใช่เสียใจเพราะว่าแพ้ หรือชนะ แต่เสียใจเพราะคน เพราะเด็ก ๆ พวกนี้มาตะโกนด่าว่าคุณพ่อเป็นคนโกง” 

ฉากเหตุการณ์ประท้วง “การเลือกตั้งสกปรกที่สุด” เป็นจุดพลิกผันให้ครอบครัว “พิบูลสงคราม” หล่นจากอำนาจไปตลอดกาล

ฉากจบ พรรคทหาร ยุคพล.อ.ประยุทธ์ จะโกลาหล หรือสงบราบคาบ ขึ้นอยู่กับฟ้าลิขิต !!