
คอลัมน์ : ชวนคิดชวนคุย ผู้เขียน : ณรัณ โพธิ์พัฒนชัย เจ้าของเพจ Narun on Fintech Law
1.บทนำ
ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่รู้จักกันจากชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า AI (Artificial Intelligence) กลายเป็นเทรนด์ด้านเทคโนโลยีของโลกในช่วงปี 2566 ต่อเนื่องมาถึงปี 2567 มีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกเสนอบริการ “Chatbot” หรือโปรแกรมช่วยตอบคำถาม ในรูปแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นด้วยระบบ Generative AI (มีผู้แปลเป็นภาษาไทยว่า ปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง แต่เพื่อความสะดวกและกระชับในการอ้างอิง ขออนุญาตใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Gen AI นะครับ)
ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินและอาจมีโอกาสได้ลองใช้ ChatGPT ของ OpenAI ที่มี Microsoft เป็นผู้สนับสนุนหลัก หรือ Google Bard ของผู้ให้บริการระบบค้นหาข้อมูลเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Google กันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย Chatbot เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหาช่วยย่อยข้อมูล นอกจากนั้น ยังสามารถวิเคราะห์หรือสังเคราะห์ข้อมูลจากคำถามที่เราถาม
โดยคำตอบที่ได้รับจะอยู่ในภาษาที่เข้าใจง่ายเสมือนเป็นการโต้ตอบกับคนด้วยกัน หรือสามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น งานออกแบบสถาปัตยกรรม การเขียนบทความขนาดยาวที่มีความซับซ้อนด้านเนื้อหา หรือแม้กระทั่งให้ทำแบบทดสอบวิชาชีพไม่ว่าจะเป็นข้อสอบเนติบัณฑิต หรือข้อสอบผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ก็สามารถทำได้คะแนนดีมากในเวลาที่รวดเร็วกว่าคนธรรมดาจะสามารถทำได้
สิ่งที่ทำให้ Gen AI Chatbot เช่น ChatGPT ได้รับความสนใจจากสังคมในวงกว้างคือ ผู้ที่ใช้งานไม่จำเป็นต้องสั่งการด้วยภาษาคอมพิวเตอร์หรือเรียนรู้วิธีการเฉพาะในการใช้งาน แต่สามารถส่งคำสั่งด้วยการเขียนหรือพูดด้วยภาษามนุษย์ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย อังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ ทำให้เป็นเทคโนโลยีที่ใครก็เข้าถึงได้
ก่อนที่จะแชร์ประสบการณ์การทำเทคโนโลยี Gen AI มาปรับใช้ในการทำงานด้านกฎหมายภาครัฐ ผมอยากชวนทุกท่านมาทำความรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า Gen AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานของโปรแกรมช่วยตอบคำถามเหล่านี้แบบฉบับเข้าใจง่ายกันก่อนครับ
2.AI ก่อนจะมี Gen AI
AI ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แม้แต่คำว่า AI เองก็เป็นคำที่คิดขึ้นโดยคณะผู้วิจัยนำโดยศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์แห่งวิทยาลัยดาร์ตมัท ประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เมื่อปี 1956 หรือ พ.ศ. 2499 โน้นเลยครับ หลังจากนั้น เทคโนโลยีนี้ก็มีการพัฒนามาเป็นลำดับจนได้รับความสนใจเป็นวงกว้างอีกครั้งในปี พ.ศ. 2540 เมื่อคอมพิวเตอร์ชื่อ Deep Blue ของบริษัท IBM สามารถเล่นหมากรุกสากลเอาชนะแชมป์โลกอย่าง คุณแกร์รี่ คาสปารอฟ (Garry Kasparov) ได้ ถือเป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นว่ามีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลในเรื่องที่ยากและซับซ้อนได้ดีกว่าสมองของมนุษย์ที่เก่งที่สุดในเรื่องนั้น
หลังจากนั้นเป็นต้นมา เทคโนโลยีการประมวลผลในลักษณะดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้งานเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงทางการเงิน การค้นหาความผิดปกติของข้อมูลในฐานข้อมูลขนาดใหญ่ รวมถึงการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของยีนหรือพันธุกรรมของมนุษย์ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี AI ในรูปแบบดั้งเดิมข้างต้นกับ Gen AI ที่กำลังได้รับความนิยมกันในขณะนี้มีความแตกต่างกันทั้งในโครงสร้างของระบบ ความสามารถ และจุดประสงค์ของการใช้งานครับ
AI ในรูปแบบดั้งเดิม (อาจเรียกว่า Narrow หรือ Weak หรือ Conventional AI ก็ได้) เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถทำตามคำสั่งด้วยการเรียนรู้จากการวิเคราะห์ฐานข้อมูล (Machine Learning) ภายใต้กรอบการเรียนรู้ (Model) ที่กำหนดไว้
ในกรณีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ AI เพื่อให้สามารถเล่นหมากรุกแข่งกับคนได้นั้นเป็นเพราะมีการป้อนข้อมูลกฎกติกาของหมากรุก และคอมพิวเตอร์สามารถสร้างกลยุทธ์ในการเล่นจากการคำนวณความน่าจะเป็นในการชนะคู่แข่ง สำหรับในกรณี Deep Blue นั้น มีความสามารถในการประมวลผลการเล่นถึง 200 ล้านทางเลือกในการวางหมากต่อวินาที ! Conventional AI มีแทรกซึมอยู่ในบริการหรือผลิตภัณฑ์ทางเทคโนโลยีสารสนเทศในชีวิตประจำวันของเราหลายอย่าง
ทำให้ทุกท่านน่าจะได้ใช้ประโยชน์จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มี Narrow AI เป็นเครื่องมือหรือองค์ประกอบสำคัญมาบ้างไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบค้นหาข้อมูลของ Google (Search Engine) บริการตัวช่วยผ่านเสียงของระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือ (Siri ของไอโฟน และ Google Assistant ของแอนดรอยด์)
แม้ว่าระบบเหล่านี้จะมีการพัฒนาต่อยอดเพื่อให้สามารถเข้าใจและโต้ตอบด้วยภาษาของมนุษย์ได้บ้าง (Natural Language Processing-NLP) แต่ทุกท่านคงทราบดีว่า AI ประเภทนี้ยังไม่สามารถสร้างการสนทนาหรือการโต้ตอบในลักษณะหรือรูปแบบที่ซับซ้อนเสมือนมนุษย์ได้
ในบทความครั้งต่อไป ผมขอนำเสนอนวัตกรรม AI ในรูปแบบใหม่ หรือ Generative AI และผลการทดลองใช้เบื้องต้นในงานการพัฒนากฎหมายครับ