รับมือหน้าฝน กทม.พร้อมแค่ไหน

(แฟ้มภาพ)

บทบรรณาธิการ

ปริมาณฝนช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตกหนักและรุนแรง สร้างความโกลาหลให้กับคนกรุงเทพฯเกือบค่อนเมือง หลายพื้นที่มีปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะย่านใจกลางธุรกิจ สถานีรถไฟฟ้า รวมทั้งจุดสำคัญ ๆ ในถนนสายหลักกว่า 20 จุด

ส่งผลให้การจราจรในพื้นที่กลางเมือง ในเมือง ย่านธุรกิจการค้ากลายเป็นอัมพาต รถราติดขัดเข้าขั้นวิกฤตตั้งแต่บ่ายยันดึก สาเหตุมาจากการระบายน้ำเป็นไปด้วยความล่าช้า ระบบป้องกันน้ำท่วม ทั้งอุโมงค์ระบายน้ำ สถานีสูบน้ำของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เกิดปัญหากระแสไฟฟ้าดับ คนทำงาน คนเดินทาง นักเรียน นักศึกษา จำนวนไม่น้อยต้องลุยน้ำกลับบ้าน

เสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลและป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วม อย่าง กทม.ดังกระหึ่มทั้งในสื่อหลัก สังคมออนไลน์ โลกโซเชียล ภาพน้ำท่วมขังมากบ้างน้อยบ้าง หลายจุดสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สิน ยานพาหนะ ซึ่งแม้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งทุกช่วงหน้าฝน แต่คนส่วนใหญ่คาดไม่ถึงว่าปีนี้วิกฤตน้ำรอระบายจะมาเยือนแต่หัววัน

เพราะข้อมูลจากกรมอุตุฯ ชี้ว่า ช่วงต้นฤดูฝนกลางเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ปริมาณฝนรวมกันจะต่ำกว่าค่าปกติ จากนั้นกลางฤดูฝนเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม และปลายฤดูฝนเดือนกันยายนถึงกลางเดือนตุลาคม ปริมาณฝนรวมจะใกล้เคียงค่าปกติ โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมและกันยายน จะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุกหนาแน่นที่สุด

เท่ากับความสามารถในการรับน้ำและระบายน้ำฝนของ กทม.เวลานี้ แม้ฝนจะตกต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก็เสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมขัง มองไปข้างหน้ายิ่งน่าห่วงเพราะเดือนสิงหาคม-กันยายนซึ่งคาดการณ์ว่าฝนจะตกชุกหนาแน่นทำให้คนกรุงเดือดร้อนรุนแรงกว่านี้

ไม่แปลกที่ กทม.จะถูกตั้งคำถามถึงความพร้อม และการเตรียมการรับมือช่วงหน้าฝน เพราะแม้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.จะยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทุกฝ่ายพยายามเร่งแก้ไขปัญหาเต็มที่ แต่น้ำรอระบายท่วมขังซ้ำซากที่ขยายวงกว้าง ยิ่งตอกย้ำความไม่เชื่อมั่นให้กับคนกรุง

ชี้ให้เห็นว่านอกจากเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ตื่นตัวรับมือวิกฤตน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นตลอดหน้าฝนแล้ว ในระยะยาว กทม.ต้องรื้อใหญ่ระบบระบายน้ำ ควบคู่กับจัดระเบียบผังเมือง โครงสร้างพื้นฐานแบบยกเครื่อง

พร้อมปลุกจิตสำนึกให้ทุกฝ่ายตระหนักและร่วมมือป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบอย่างจริงจัง โดยใช้ทั้งกฎหมาย มาตรการจูงใจ เพื่อคลี่คลายปัญหาที่นับวันยิ่งวิกฤตรุนแรง ลดความสูญเสียทั้งด้านเศรษฐกิจ ชีวิต ทรัพย์สินที่จะมีตามมา