ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อจากนี้ รัฐบาลจะทำหนังสือขอพระราชทานกำหนดการเพื่อเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นทางการ
โฉมหน้า ครม.ใหม่ แม้บางตำแหน่งจะมีการปรับเปลี่ยนด้วยเงื่อนไขทางการเมือง แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นไปตามคาดหมาย ที่ถูกจับตาและสาธารณชนคาดหวัง คือ ทีมเศรษฐกิจ ที่รอบนี้การทำงานอาจมีข้อจำกัด เนื่องจากกระทรวงเศรษฐกิจเสาหลักแต่ละกระทรวงถูกกระจายให้พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรครับผิดชอบดูแล
ความเป็นหนึ่งเดียวและเอกภาพในการทำงานเพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้า จึงท้าทายยิ่งกว่าในยุครัฐบาล คสช. การกำหนดนโยบาย ทิศทางประเทศซึ่งต้องผสมผสานนโยบายของหลายพรรคการเมืองจึงต้องสอดคล้องกลมกลืนกัน
โจทย์ใหญ่ของรัฐบาลเองคือทำอย่างไรให้พรรคร่วมทุกพรรคบูรณาการการทำงานร่วมกันได้โดยไม่ติดขัด เพราะหากต่างคนต่างทำ ไม่พยายามประสานเชื่อมโยง หรือเกิดความขัดแย้งภายใน งานสำคัญก็จะเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจ การเมืองทั้งภายในภายนอกไม่เอื้อ สงครามทางการค้าแม้เวลานี้ดูเหมือนจะคลี่คลายลง แต่ไม่อาจวางใจได้
ส่งผลต่อเนื่องทำให้ภาคการส่งออก การท่องเที่ยวชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า แถมพืชผลทางการเกษตรหลากหลายชนิดมีปัญหา ขณะที่การลงทุนใหม่ของภาครัฐอาจเดินหน้าได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ล่าช้ากว่าปกติ
สารพัดปัญหาเหล่านี้หาก ครม.ใหม่ไม่เร่งแก้ไขจะยิ่งบั่นทอนรายได้ ทำให้กำลังซื้อของคนในระดับกลาง และระดับล่างยิ่งทรุด ฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยไม่ให้เติบโต
ท่ามกลางปัจจัยลบและความท้าทายจากเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนโลก ครม.ประยุทธ์ 2/1 ต้องเร่งสร้างผลงาน โชว์ความสามารถในการบริหารจัดการปัญหา เรียกศรัทธาความเชื่อมั่นจากนักธุรกิจ นักลงทุน ประชาชนทั่วไป โดยเร็วที่สุด
โดยมุ่งเน้นที่ปัญหาหลักการแก้ไขโจทย์เศรษฐกิจ ปากท้อง ค่าครองชีพ พืชผลทางการเกษตรราคาตกต่ำ ฯลฯ ด้วยการออกมาตรการกระตุ้น ช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ที่สำคัญ ไม่ว่างานเล็ก งานใหญ่ เมกะโปรเจ็กต์เม็ดเงินลงทุนหลักพันล้าน หรือหมื่นแสนล้านบาท ทุกโครงการต้องสุจริต โปร่งใส สร้างมิติใหม่ ลบภาพรัฐบาลพรรคการเมืองที่มักถูกมองว่าจ้องเข้ามาโกงกิน ตักตวงผลประโยชน์เหมือนที่เกิดขึ้นในอดีตให้ได้