ฮาวทูทิ้ง…ให้ได้เงิน

คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ โดย สาโรจน์ มณีรัตน์


ผมไม่ได้ดูหนังเรื่อง “ฮาวทูทิ้ง…ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” ที่มี “นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” เป็นผู้เขียนบท และผู้กำกับ แต่กระนั้น ก็พอจะทราบเรื่องราวของหนังเรื่องนี้

อยู่บ้างจากคำกล่าวของนักวิจารณ์, ดูเรื่องย่อ และฟังเพลงประกอบซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไปในทิศทางที่ดี ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธีมของเรื่อง หรือเพลงประกอบ จนทำให้ผมคิดอย่างหนึ่งว่าอาจเป็นเพราะหนังเรื่องนี้กลุ่มคนดูส่วนใหญ่มักเป็นวัยรุ่น และชีวิตวัยรุ่นก็มักจะวนเวียนอยู่กับความรักครั้งอดีต และปัจจุบันจนทำให้เกิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย

“ฮาวทูทิ้ง…ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” ก็เช่นกัน

บทเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ต้องการสื่อให้ทุกคนเห็นว่าการเคลียร์ของที่รก ๆ อยู่ในห้อง และในบ้าน ในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นับเป็นการเริ่มต้นชีวิตที่ดีของปีถัดไป เพราะนอกจากจะทำให้ห้อง และบ้านดูสะอาดตาขึ้นมาบ้าง ยังทำให้เราได้กำจัดสิ่งที่ไม่ปรารถนาออกไปบ้าง

บางคนอาจเป็นเสื้อผ้า

หนังสือ

ซีดี

หรือบางคนอาจเป็นสิ่งของสำคัญต่าง ๆ ในช่วงของปีนั้น ๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งของสำคัญเหล่านั้นกลับเป็นสิ่งของไร้ค่า บางคนอาจเรียก “สมบัติบ้า” ก็ได้

ตัวละครของหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน

เพราะระหว่างที่เธอเก็บของเพื่อทิ้งลงถุงดำ ปรากฏว่าเธอกลับไปเจอกล้องถ่ายรูปของแฟนเก่า ในนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ มากมายที่บรรจุภาพไว้ในซิมการ์ด และเมื่อเธอเปิดดู ความทรงจำต่าง ๆ ก็ผุดพรายขึ้นมา

เป็นความทรงจำของคนที่เคยรักกัน

เป็นความทรงจำของมิตรภาพ

และเมื่อเธอนำมาคืนแฟนเก่าของเธอ ปรากฏว่า “คำขอบคุณ” กลับทำให้เรื่องราวเกิดขึ้นในเวลาต่อมา เสียดายแต่ว่า “แฟนเก่า” ของผู้หญิงคนนั้นมี “แฟนใหม่” เสียแล้ว ผมไม่ได้ดู หรือรับรู้ต่อว่าเรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง

แต่ถ้าให้ดูจากชื่อเรื่องคงพอเดาได้ว่า…ตอนจบของเรื่องน่าจะเป็นอย่างไร ?

ในมุมมองของผม, ในฐานะคนที่ชอบดูหนัง ทำให้ผมคิดว่าคนเขียนบทนี่เก่ง ช่างคิด ช่างหาเรื่องง่าย ๆ ใกล้ ๆ ตัวนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ เพราะมุมมองแบบนี้ ผมเชื่อว่าเคยเกิดขึ้นกับทุกคน

ยิ่งถ้าเป็นคนหนุ่ม-สาวที่อยู่ในช่วงแห่งความรัก อกหัก รักคุด ผิดหวัง สมหวัง มีความสุข แฮปปี้เอ็นดิ้ง ผมว่าเหตุการณ์แบบนี้คงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะสิ่งของรอบ ๆ ตัวของพวกเขามักมีอดีตซ่อนอยู่เสมอ ขณะเดียวกันก็มีความทรงจำแทรกอยู่ด้วย

ทั้งในเรื่องที่ดี และไม่ดี

แต่ถ้าพวกเขาโตขึ้นระดับหนึ่ง ในระดับวัยทำงาน มีครอบครัว และย่างก้าวเข้าสู่ช่วงมัชฌิมวัยอย่างผม การทำความสะอาดห้อง, บ้าน แล้วบังเอิญไปเจอสิ่งของต่าง ๆ ที่มีอดีตฝังใจ ผมว่าแทบจะไม่มีอะไรให้หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว

เพราะเราเคลียร์ทิ้งตั้งแต่ตอนแรก ๆ ที่คิดจะมีครอบครัวแล้ว

ขืนไม่เคลียร์ย่อมมีปัญหาตามมาแน่…อาจบ้านแตก หรือหัวแตกก็เป็นไปได้ (ฮา)

ฉะนั้น การทำความสะอาดห้องนอน, บ้านในช่วงปีใหม่ จึงเป็นการทำความสะอาดจริง ๆ อะไรรก ๆ ก็ทิ้งไป อะไรไม่สำคัญ ขายได้ก็ขาย ขายไม่ได้ก็ให้คนอื่นเขาไป หรืออาจจะใส่รถไปบริจาคที่โน่นที่นี่เพื่อให้ห้องนอน, บ้านของตัวเองสะอาดที่สุด

แต่เรื่องแบบนี้มันคลาสสิกนะครับ เพราะจะต้องต่อสู้กับกิเลสอยู่พอสมควร ไอ้โน้นก็ไม่อยากทิ้ง ไอ้นี่ก็ไม่อยากทิ้ง จนท้ายที่สุดอาจมีสิ่งที่อยากทิ้งจริง ๆ ไม่กี่อย่างเอง ทำไปทำมาก็แทบจะเคลียร์อะไรไม่ได้เลย ซึ่งประสบการณ์ผ่านมาของผมมีเรื่องนี้อยู่มากพอสมควร

จนท้ายที่สุดจึงต้องเลือกในสิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ อะไรไม่เอาก็ให้คนอื่นช่วยทิ้งให้ไม่เช่นนั้นจะตัดใจไม่ได้

แต่ไม่ถึงขนาดในหนัง ที่จะต้องลุกขึ้นมาเอาของไปคืนเขาถึงบ้าน เพื่อให้เกิดคำถามใหม่ ๆ ในภาพเก่า ๆ เพราะผมถือเสียว่าอะไรที่ผ่านไปก็ให้มันผ่านไป อย่าไปจมอยู่กับอดีตเลย ยกเว้นอดีตบางเรื่องที่น่าจดจำ ค่อยว่ากันอีกที

แต่จะไม่ฟูมฟายอีกต่อไปแล้ว

เพราะผมเป็นพวกฮาวทูทิ้ง…ทิ้งอย่างไรถึงจะได้เงินติดมือ

เผื่อจะได้ค่าเบียร์สักป๋องสองป๋อง (ฮา)

ผมคิดเท่านี้จริง ๆ