มีกิน 3 มื้อ…โชคดีแล้ว

ตู้ปันสุข
คอลัมน์ สามัญสำนึก
โดย สมปอง แจ่มเกาะ

คืนวันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นคืนแรกที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ยกเลิก “เคอร์ฟิว” ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน หลังจากที่ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมานานกว่า 2 เดือน

ทบทวนความจำกันนิดหนึ่ง เริ่มแรก ศบค.ประกาศใช้เคอร์ฟิวเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. จากนั้นเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ค่อย ๆ คลี่คลาย จึงได้มีการปรับลดเคอร์ฟิวมาเป็น 23.00-04.00 น. และลดลงอีกครั้งเมื่อ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็น 23.00-03.00 น.

ทันทีที่ ศบค.ยกเลิกเคอร์ฟิว บรรยากาศโดยรวมก็เริ่มคึกคักขึ้นมาเลยทีเดียว

บรรดาผู้ประกอบการร้านค้าบริการต่างขานรับกันถ้วนหน้า เริ่มจากร้านสะดวกซื้อที่ประกาศกลับมาเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม ขณะที่ศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ที่ทยอยประกาศขยายเวลาการให้บริการ

เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าบนดิน-ใต้ดิน ที่ต่างก็กลับมาขยายเวลาการเดินรถ ตั้งแต่ประมาณ 05.30 น.จนถึง 24.00 น. รวมถึงรถเมล์ ขสมก ที่กลับมาให้บริการตามเวลาปกติ เพื่อรองรับการเดินทางของคนเมืองกรุงที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ใครจะคิดอย่างไรไม่รู้ แต่โดยส่วนตัวแล้วมีความรู้สึกว่า ไม่ว่าจะมีเคอร์ฟิวหรือไม่มีเคอร์ฟิว การดำเนินชีวิตประจำวัน ในแต่ละวันก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันมากนัก

แต่ข้อดีอย่างหนึ่งที่เห็นและสัมผัสได้ในช่วง 2 เดือนเศษ ๆ ที่มีเคอร์ฟิว คือคนไทยมีความสุขมากขึ้น ทุกคนกลับบ้านเร็วขึ้น ไม่เถลไถล ได้อยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อ-แม่-ลูก ได้กินข้าวพร้อมกัน ได้พูดคุยสั่งสอน ได้มีโอกาสทำกิจกรรมหลาย ๆ อย่างร่วมกัน เสาร์-อาทิตย์ ได้หยุดอยู่กับบ้าน บางครอบครัวอาจจะทำสวนหย่อม บางครอบครัวปลูกต้นหมากรากไม้ ปลูกพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ บางคนอาจจะเก็บกวาดทำความสะอาดบ้าน เป็นต้น

ประโยชน์ของโควิด-19 และการมีเคอร์ฟิวอีกอย่างหนึ่งคือ คนไทยหันมาใส่ใจกับสุขภาพ หลาย ๆ คนหันมาเริ่มออกกำลังกาย เดินบ้าง วิ่งบ้าง หลายคนลดละเลิกของมึนเมา ดื่มเหล้าเบียร์น้อยลง ทำให้ประหยัดมากขึ้น มีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น หรือหลาย ๆ คนก็หาอาหารเสริม ยาบำรุงมากินบำรุงร่างกายเพื่อป้องกันและสู้กับไวรัสร้าย

จะเรียกว่าสุขทั้งกายสุขทั้งใจก็คงไม่ผิดนัก

และที่ชัดเจนมากอีกประการหนึ่งคือ สถิติตัวเลขการเกิดอุบัติเหตุ จากเหตุเมาแล้วขับ เด็กแว้น ฯลฯ ที่ลดลงทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เป็นการช่วยลดการบาดเจ็บ การเสียชีวิต และลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจได้อย่างมากมายเลยทีเดียว

นี่พอประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว จากนี้ไปคุณหมอ-คุณพยาบาล ห้องฉุกเฉิน คงต้องเตรียมพร้อมเต็มอัตราศึก เพื่อรับมือกับตัวเลขอุบัติเหตุที่จะดีดกลับมาใหม่

ไม่มีเคอร์ฟิวแล้ว ก็อย่าเพิ่งหลงระเริง เพราะบ้านนี้เมืองนี้ยังมีอะไรให้ปวดหัวอีกมากมายหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง

อย่าลืมว่า ผลพวงจากพิษร้ายของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ธุรกิจการค้าการทำมาค้าขายฝืดเคือง หลายบริษัทต้องปิดกิจการ ต้องเลิกจ้าง ปลดคนงานระลอกแล้วระลอกเล่า จากสิบเป็นร้อยจากร้อยเป็นพัน

คนตกงานมีเพิ่มไม่เว้นแต่ละวัน ไหนจะผ่อนบ้านผ่อนรถ ไหนจะหนี้สิน คนทุกข์ยากลำบากมากมาย ปากท้องลูกเมียต้องกินทุกวัน ต้องคิดให้หนักไตร่ตรองให้ถ้วนถี่

ฟันธงไว้ ณ ตรงนี้เลยว่า กว่าที่การทำมาค้าขายจะฟื้นกลับขึ้นมาได้ คงใช้เวลาอีกหลายปี หรือหากพลิกฟื้นขึ้นมาได้แต่ก็คงไม่เหมือนเดิม

นาทีนี้ต้องพยายามประคับประคองตัวให้รอด

ตนย่อมเป็นที่พึ่งของตน อย่าไปยืมจมูกรัฐบาลมาหายใจ

ขอเพียงสู้และอดทน ท่องให้ขึ้นใจ อดทน ขยัน ประหยัด


มีกินครบ 3 มื้อ ถือว่าโชคดีแล้ว