โควิดรอบที่ 4

โควิด-19-1
สามัญสำนึก
เมตตา ทับทิม

“โควิดรอบ 4 ยังไงก็มา เราต้องปรับตัว”

คำกล่าวของ “อุทัย อุทัยแสงสุข” ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ ทั้ง ๆ ที่แสนสิริเพิ่งประกาศปรับเป้าขาย เป้าโอน หลังจากผลงานไตรมาส 1/64 ทำออกมาดีเหลือเกิน

ดูจากบุคลิกบริษัทแล้ว ฟันธงล่วงหน้าได้เลยว่า แสนสิริคงจะมีการประกาศปรับเป้า-เพิ่มเป้าอีกหลายครั้งในปีนี้ ภายใต้กลยุทธ์ dual track ความสำเร็จกับการสร้างแบรนด์เดินไปพร้อม ๆ กัน

บนความยากลำบากของสถานการณ์โควิดรอบที่ 3 นโยบาย “ล็อกดาวน์เสมือน” ถูกนำมาใช้อย่างเข้มข้น คำว่า ล็อกดาวน์เสมือน อธิบายได้ว่า ตัวเนื้อมาตรการคือการล็อกดาวน์ ขาดองค์ประกอบเพียงแค่การประกาศอย่างเป็นทางการของรัฐบาล

นาทีนี้มีใครไม่ลำบาก ?

“นางแมว” (นามสมมุติ) เจ้าหน้าที่ธุรการประจำคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง เจอผู้พักอาศัย (ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าของหรือผู้เช่า) มาติดต่อธุระและจามใส่หน้า ขอลาหยุดงาน 1 วันเพื่อไปตรวจ ทำให้กรรมการตึกรู้ว่ามีผู้ติดเชื้อ แต่คนทั้งตึกยังไม่รู้ ปัญหาคือนางแมวตรวจโควิดครั้งเดียวแล้ววันรุ่งขึ้นทำงานตามปกติ ทั้ง ๆ ที่ควรจะต้องกักตัวเอง 14 วัน และตรวจซ้ำรอบที่ 2 รอบที่ 3

เท่ากับนางแมว+กรรมการตึก ร่วมกันปกปิดข้อมูล (จากคนทั้งตึกและจากกฎหมาย)

“นายเสือ” (นามสมมุติ) พนักงาน รปภ. โผล่ออกมาเปิดโปง “ผู้พักอาศัยติดโควิด” คนดังกล่าวโดยโพสต์แฉในกรุ๊ปไลน์ของตึก นายเสือโกรธเพราะผู้ติดโควิดสนิทกันแต่ก็ไม่ได้แจ้งนายเสือเช่นกัน

เหตุผลที่โกรธ เพราะนายเสือเพิ่งจะมีลูกอ่อน อายุไม่ถึงขวบปี ทำงานหาเช้ากินค่ำ หาค่ำกินดึก ลูกน้อยทำให้คนเป็นพ่อต้องขยันทำมาหากินมากกว่าเดิม การถูกกักตัวจึงเป็นความเสี่ยงต่อการไม่มีรายได้ เผลอ ๆ เสี่ยงมากกว่าติดโควิดซะอีก

นายเสือถูกบังคับให้ไปตรวจหาเชื้อ มีการแจ้งปากเปล่าว่าไปตรวจมาแล้ว โดยไม่ได้แสดงหลักฐานการตรวจ มาถึงตอนนี้นายเสือปกปิดข้อมูลหรือเปล่า …คนทั้งตึกไม่รู้ ข้อสงสัยคือนายเสืออาจไปรับงานเข้าเวร รปภ.ให้กับตึกอื่นด้วยเพื่อหารายได้เพิ่ม ถ้าทำจริง นายเสือปกปิดข้อมูลตึกอื่นว่าตนเองเป็นผู้มีความเสี่ยง

คราวนี้มาพูดถึงกรรมการตึกซึ่งรู้แล้วว่ามีผู้ป่วยโควิดในตึก แต่ “ไม่ได้ทำอะไร” อาจเป็นเพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร สรุปคือปกปิดข้อมูล ไม่ได้แจ้งให้คนในตึกทราบ เรื่องทั้งหมดแดงขึ้นมาเพราะผู้ป่วยโควิดเปิดตัวในกรุ๊ปไลน์ เหตุผลเพื่อบอกให้นิติบุคคลพ่นยาฆ่าเชื้อในอาคาร และจะให้ฉีดฆ่าเชื้อในห้องตัวเองด้วย หนังชีวิตจบไว้แต่เพียงเท่านี้

ทุกวันนี้ ผู้ป่วยโควิดยังคงพักในตึก นางแมวและนายเสือตรวจหาเชื้อครั้งเดียวและยังคงทำงานปกติ ไม่มีการกักตัวด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจ โทร.หา 1330, 1668, 1669, สำนักงานเขตบางกะปิ, กรมควบคุมโรค และติดต่อไปทุกที่ ซึ่ง ศบค.แจ้งผ่านจอตู้ให้ปฏิบัติเมื่อพบผู้ป่วยติดเชื้อ

ทุกอย่างอยู่ในภาวะสุญญากาศ นิ่งสนิท เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แจ้งก็เหมือนไม่ได้แจ้ง รัฐบาลไม่ได้มาทำอะไร เคสนี้เป็นหนังตัวอย่างที่เกิดขึ้นในย่านลาดพร้าว และเข้าใจว่าการปกปิดข้อมูลโรคโควิดกำลังเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าในประเทศไทย

เรื่องเล็ก ๆ เรื่องนี้น่าตกใจมากพอที่จะอธิบายได้ว่าทำไมสถานการณ์โควิดรอบที่ 3 ถึงได้รุนแรงบานปลายมากนัก ความสาหัสของไวรัสกลายพันธุ์ ผสมกับโรคปกปิดข้อมูล โรคไม่มีจะกิน ทำให้โรคระบาดอาจเกินความสามารถในการควบคุมของมนุษย์ไปแล้วก็ได้

โควิดรอบที่ 3 อาจปราบปรามได้ด้วยวัคซีนที่ต้องเร่งฉีดให้เร็วที่สุด อาจปราบปรามได้ด้วยมาตรการบังคับล็อกดาวน์ของรัฐ

ในอนาคตซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะช้าหรือเร็ว บิ๊กแสนสิริทำนายไว้แล้วว่า โควิดรอบที่ 4 มาแน่นอน คราวนี้ไม่มีใครเอาอยู่ ถ้าคนไทยทั้งประเทศไม่ร่วมมือร่วมใจกัน “หยุดเชื้อ เพื่อชาติ การ์ดอย่าตก”

โควิดรอบที่ 4 อยู่ในมือคนไทยทุกคน ร่วมด้วยช่วยกันค่ะ