“เปิด” ดีกว่าปิด !!!

คอลัมน์ สามัญสำนึก
พัฒนพันธุ์ วงษ์พันธุ์

 

ที่สุดแล้วการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในบ้านเราโดยไม่ต้องกักตัวกำลังเกิดขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

บนเงื่อนไขต้องได้รับวัคซีนครบโดส บวกกับการตรวจหาเชื้อโควิดทั้งก่อนเดินทาง และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย จริงอยู่การเปิดประเทศครั้งนี้จะยังคงจำกัดวงอยู่ไม่กี่ชาติ ส่วนใหญ่เป็นประเทศใหญ่ ๆ ที่เป็นตลาดท่องเที่ยวหลัก อาทิ สหรัฐ จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมนี ฯลฯ

เพียงเท่านี้บรรดาผู้คนในวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวพากันถอนหายใจโล่งอก (อย่างน้อยก็ระยะหนึ่ง) หลังจากกัดฟันอดทนมานาน

ตัวเลขทางการระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเสียหายไปถึง 2 ล้านล้านบาท จากที่ผ่านมาอุตฯท่องเที่ยวสร้างเม็ดเงินคิดเป็นสัดส่วน 12% ต่อจีดีพี ส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ โรงแรม สายการบิน ร้านอาหาร สถานบันเทิง ร้านขายของที่ระลึก รถเช่า

ภาพผลกระทบเหล่านี้ยังปรากฏชัดเจนตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ภูเก็ต สมุย พัทยา เชียงใหม่ ฯลฯ ร้านรวงปิดสนิท มีแต่ป้ายปิดประกาศขายกิจการ ยังดีที่บ้านเราได้ “ส่งออก” เป็นตัวช่วย

นโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส และเดินทางจากประเทศความเสี่ยงต่ำโดยไม่กักตัว ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปรับประมาณการการฟื้นตัวใหม่

ผู้ว่าการ ททท.-ยุทธศักดิ์ สุภสร บอกกับผู้สื่อข่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และกำลังจะก้าวสู่การฟื้นตัวในรูปแบบตัว V และเป็นไปได้ที่ประเทศไทยมีโอกาสได้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1 ล้านคนในสิ้นปี ถึงจะเทียบไม่ได้กับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด แต่ตัวเลข 1 ล้านคนที่ว่าถือเป็นการ “เชิงบวก” มองโลกในแง่ดีพอสมควร

ต่างจากการคาดการณ์ผู้คนในวงการที่คิดว่า “ไม่น่าจะฟื้นตัวเร็วนัก”

ถึงแม้ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของทุกปีต่อเนื่องข้ามไปถึงต้นเดือนมกราคมจะเป็นฤดูท่องเที่ยวสำคัญ เป็นช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นพิเศษ

หน่วยงานที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า

การเปิดประเทศน่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ขยับเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 แสนคน จากที่เคยคาดการณ์ไว้ 1.5 แสนคน สร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1.35 หมื่นล้านบาท

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยให้เหตุผลว่า ถึงแม้โดยภาพรวมสถานการณ์รวม ๆ จะดูดีขึ้น แต่ยังคงมีความเสี่ยง รวมทั้งมีข้อจำกัด บางประเทศมีข้อกำหนดต้องกักตัวหลังเดินทางกลับ บวกกับเหตุผลอื่น ๆ ทำให้การเพิ่มจำนวนของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป

สอบถามผู้คนในวงการโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายหลัก ๆ แม้จะมองว่าการเปิดประเทศคือ “โอกาส” แต่ยังให้ความสนใจตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย ซึ่งมีโอกาสทางการตลาดมากกว่า

ไม่ต้องดูอื่นไกลหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โรงแรมที่พักตามเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ กลับมาคึกคักขึ้นอย่างรวดเร็ว ตัวเลขการเข้าพักเทียบเท่ากับเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทำให้เชื่อว่าทุกอย่างจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ

ในมุมผู้ประกอบการชัดเจนว่า ไม่ได้ฝากอนาคตไว้ที่ “การเปิดประเทศ” ว่าเป็นตัวชี้อนาคต หากมองไปถึงมาตรการทางสาธารณสุข ควบคู่กับการเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะการระบาด “รอบใหม่” ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และจะดีเป็นที่สุดถ้ารัฐจัดหาวัคซีนคุณภาพ ชุดตรวจ ATK ราคาถูก ให้ทุกคนเข้าถึง รวมทั้งเร่งการฉีดครบ 2 โดสให้ได้ 70% ของประชากรโดยเร็ว

สุดท้ายคำตอบก็ยังวกกลับมาอยู่ที่วัคซีนอีกเช่นเคย