เงินสงเคราะห์บุตร หรือโครงการเงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคมปี 2566 เป็นโครงการสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยจะได้เงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 800 บาทต่อบุตรหนึ่งคน (จากเดิมได้รับเดือนละ 600 บาท) ขณะที่มาตรา 40 (ทางเลือกที่ 3) จะได้เงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 200 บาทต่อบุตรหนึ่งคน
หากใครเงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคมไม่เข้า อาจมีคุณสมบัติไม่ตรงกับเงื่อนไข ดังนั้น สามารถเช็คเงื่อนไข และวิธีการลงทะเบียน ตามรายละเอียด ดังนี้
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเกิดสิทธิ
- ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39
- จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
- ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้นบุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน หากผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์
วิธีขอรับสิทธิเงินสงเคราะห์บุตร
การยื่นขอรับเงินสงเคราะห์บุตรนั้นสามารถทำได้ตลอด เมื่อยื่นคำขอเรียบร้อยแล้ว จะได้รับเงินเข้าบัญชีหลังได้รับสิทธิผ่านไปแล้ว 3 เดือน เงินจะเข้าทุกสิ้นเดือน หากวันสิ้นเดือนตรงกับเสาร์-อาทิตย์ก็จะเลื่อนเป็นจ่ายในวันศุกร์ก่อนวันสิ้นเดือน ผู้ประกันตนไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือแม่สามารถลงทะเบียนขอรับเงินสงเคราะห์บุตรผ่าน 2 ช่องทางง่าย ๆ ดังนี้
ผ่าน e-Self Service
- เข้าเว็บไซต์ประกันสังคม www.sso.go.th
- กด “เข้าสู่ระบบผู้ประกันตน”
- เลือก “ระบบ e-Self Service”
- เลือก “ขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม”
- เลือก “สงเคราะห์บุตร”
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน แล้วอัพโหลดเอกสารได้เลย
ผ่านสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ
- ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 (คลิกที่นี่) พร้อมลงลายมือชื่อและนำไปยื่นที่สำนักงานประกันสังคม หรือส่งคำขอทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน
- เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ
- สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
- พิจารณาสั่งจ่ายเป็นรายเดือน โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน
* กรณีขอเงินสงเคราะห์บุตรย้อนหลัง จะขอได้เพียง 1 ปีย้อนหลังเท่านั้น และต้องส่งเงินสมทบมา 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือนก่อนคลอดถึงจะมีสิทธิได้รับเงิน
เอกสารประกอบการยื่น
กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ
- สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) 1 ชุด
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประกันตน
- สำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลด้วย 1 ชุด (ถ้ามี)
กรณีผู้ประกันตนชายใช้สิทธิ
- สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตนหรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด
- สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย 1 ชุด)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประกันตน
- สำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลด้วย 1 ชุด (ถ้ามี)
** กรณีเคยยื่นใช้สิทธิแล้ว แต่ผู้ประกันตนที่เป็ยพ่อหรือแม่เปลี่ยนงาน ตกงานแล้วได้งานใหม่ และต้องการใช้สิทธิ์สำหรับลูกคนเดิม ต้องให้ยื่นคำขอใหม่ โดยต้องมีหนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิม กรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ (คลิกที่นี่)
*** กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทนให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคมและสำเนาหนังสือเดือนทาง (passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1 ชุด
ธนาคารที่ใช้รับเงินโอน สงเคราะห์บุตร
สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ดังนี้
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคมได้ที่ www.sso.go.th หรือโทร.สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง