จุฬาฯไขข้องใจ ซีเซียม-137 สลายได้ พร้อมตรวจฟรี หากสัมผัสฝุ่นปนเปื้อน

ซีเซียม กบินทร์บุรี
ภาพจากข่าวสด (เมื่อวันที่ 19 มี.ค.66)

ฝุ่นปนเปื้อนกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ค่อนข้างมีน้ำหนัก ไม่สามารถกระจายไกลมากนัก และหากจัดการฝุ่นถูกวิธี จะช่วยลดผลเสียต่อคนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

วันที่ 21 มีนาคม 2566 จากกรณีข่าวท่อวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ได้หายไปจากโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี และภายหลังตรวจพบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่โรงงานหลอมเหล็กขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดปราจีนบุรี แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า เป็นซีเซียม-137 ที่หายไปหรือไม่ อย่างไรก็ตามทางการได้มีการสั่งปิดโรงงานและกันพื้นที่แล้ว

ผศ.ดร.พงษ์แพทย์ เพ่งวาณิชย์ หัวหน้าภาควิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากมีการปนเปื้อนของวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ที่โรงงานหลอมเหล็กแห่งนั้น อาจเป็นไปได้ว่า มีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ผ่านการแปรสภาพ หรืออาจจะถูกหลอม ซึ่งอาจหมายถึง วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ได้ผ่านกระบวนการหลอมแล้วพร้อมกับโลหะอื่น ๆ

“ปกติกระบวนการหลอมเหล็กที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากลจะเป็นระบบปิด จึงไม่ควรเกิดการฟุ้งกระจายของผงฝุ่นที่เกิดขึ้นออกไปนอกเตาหลอม ทั้งนี้ วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 เป็นวัสดุควบคุมกำกับดูแลการใช้งาน ซึ่งโดยปกติจะไม่มีการส่งกำจัดด้วยวิธีการหลอม แต่หากถูกหลอม จะทำให้ระหว่างกระบวนการหลอม สามารถเกิดผงฝุ่นปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ได้”

ผศ.ดร.พงษ์แพทย์ เพ่งวาณิชย์ หัวหน้าภาควิศวกรรมนิวเคลียร์ วิศวฯ จุฬาฯ
ผศ.ดร.พงษ์แพทย์ เพ่งวาณิชย์ หัวหน้าภาควิศวกรรมนิวเคลียร์ วิศวฯ จุฬาฯ

ร่างกายมีกลไกกำจัดซีเซียมออกได้

ผศ.ดร.พงษ์แพทย์อธิบายว่า การหลอมจะทำให้สารกัมมันตรังสีที่แต่เดิมมีลักษณะเป็นก้อนเดียวแยกออกจากกัน และมีการกระจายตัวออกไป ทำให้ปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาต่อพื้นที่ลดน้อยลง ส่งผลให้หากมีผู้ได้รับรังสีชนิดนี้ก็ได้รับอันตรายจากการได้รับแผ่รังสีน้อยลงเช่นเดียวกัน ต้องสัมผัสเป็นเวลานานจึงจะส่งผลใด ๆ ต่อร่างกาย และหากมีการจัดการฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม 137 ที่ถูกวิธี ก็จะช่วยลดความเป็นไปได้ที่จะส่งผลเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อคนทั่วไปได้

แต่หากฟุ้งกระจายออกไปนอกบริเวณเก็บ เพราะปกคลุมไว้ไม่ดีพอ ทำให้มีโอกาสที่มนุษย์จะสูดดมหรือบริโภคเข้าไปภายในร่างกายได้ อย่างไรก็ดี ร่างกายมนุษย์มีกลไกที่สามารถกำจัดซีเซียมออกได้ หากไม่ได้สูดดมหรือบริโภคเข้าไปในปริมาณมาก ก็จะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม ฝุ่นปนเปื้อนซีเซียม 137 ค่อนข้างเป็นสารที่มีน้ำหนักทำให้ไม่สามารถกระจายไปตามลมได้ไกลมากนัก ประกอบกับปริมาณที่ไม่มากเพราะส่วนใหญ่ยังอยู่ที่โรงหลอม การควบคุมพื้นที่ของการปนเปื้อนจึงดำเนินการได้ไม่ยากนัก

ตรวจฟรี ประชาชนกังวลรับรังสี

ผศ.ดร.พงษ์แพทย์ กล่าวด้วยว่า หากผู้ใดในพื้นที่มีความกังวลหรือคาดว่ามีโอกาสประสบกับการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม 137 สามารถติดต่อภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทร 02 218 6781 เพื่อช่วยในการตรวจวัดปริมาณรังสีโดยรอบได้ฟรี

โดยปกติแล้วคนมีโอกาสได้รับรังสีจากสารกัมมันตรังสีซีเซียม 137 ที่แพร่กระจายด้วยกัน 2 วิธี คือ

วิธีแรก ฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม 137 อาจจะฟุ้งมาเกาะตามเสื้อผ้าหรือผิวหนัง โดยฝุ่นซีเซียม 137 นี้ สามารถแผ่รังสีที่ผิวหนังเราได้ หากเป็นเช่นนั้นถอดเสื้อผ้า ชำระล้างร่างกายทันทีด้วยน้ำเปล่า เราก็สามารถกำจัดฝุ่นหรือผงวัสดุกัมมันตรังสีออกจากร่างกายเราได้

วิธีที่สอง การที่เราสูดดมเอาฝุ่นปนเปื้อนสารซีเซียม 137 เข้าไปในร่างกาย หรือกินอาหารที่ปนเปื้อนสารซีเซียม 137 หรือที่มาเกาะบริเวณใกล้จมูกหรือปากเราแล้วมีการเผลอเข้าสู่ร่างกายเรา ก็จะมีการผ่านเข้าไปยังระบบทางเดินอาหาร หรือทางเดินหายใจ

แต่ด้วยสารซีเซียม 137 นี้มีคุณสมบัติคล้ายกับโพแทสเซียม แม้ว่าจะกระจายไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ แต่ก็ถูกขับถ่ายออกมาจากร่างกายได้ค่อนข้างเร็วตามกลไกเดียวกันกับโพแทสเซียม หากมีการสะสมจะมีการสะสมตัวอยู่ที่เนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ แต่ก็จะสะสมอยู่ไม่นาน ประมาณ 10% สามารถกำจัดออกเร็ว

โดยจะมีค่าครึ่งชีวิตทางชีวภาพเพียง 2 วัน และส่วนที่เหลือจะถูกกำจัดออกด้วยค่าครึ่งชีวิตทางชีวภาพราว 110 วัน ซึ่งหมายความว่าซีเซียมที่ได้รับจะอยู่ในร่างกายไม่กี่เดือนเท่านั้น และการกำจัดจะเกิดขึ้นเร็วกว่าด้วยในเด็ก

ซีเซียม-137 มีค่าครึ่งชีวิตประมาณ 30 ปี

ผศ. ดร.พงษ์แพทย์ กล่าวด้วยว่า ทางภาครัฐตระหนักถึงเหตุการณ์ลักษณะนี้ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ และมีกระบวนการในการติดตามและเฝ้าระวังเตรียมไว้พอสมควรแล้ว ซึ่งเชื่อว่าเป็นไปตามแนวทางที่ปฏิบัติกันในระดับสากล

ส่วนวิธีการจัดการกับฝุ่นที่ปนเปื้อนสารรังสีซีเซียม 137 ผศ.ดร.พงษ์แพทย์แนะนำว่า โดยปกติกากกัมมันตรังสีจะมีวิธีการจัดการที่สามารถเลือกใช้ได้ เช่น การจัดเก็บในภาชนะที่กันการรั่วไหลออกไปได้ง่าย ซึ่งอาจมีการปรับสภาพก่อนการจัดเก็บเพื่อให้อยู่ในรูปที่สะดวกต่อการดูแล เนื่องจากต้องจัดเก็บไปจนกว่าซีเซียม 137 จะสลายตัวจนอยู่ในระดับที่ปล่อยออกสู่ธรรมชาติหรือกำจัดทิ้งได้

ซึ่งซีเซียม 137 มีค่าครึ่งชีวิตประมาณ 30 ปี หมายถึงว่าทุก 30 ปี จำนวนสารซีเซียม 137 จะสลายตัวลดจำนวนไปครึ่งหนึ่ง ซึ่งตามข้อมูลของวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม 137 ที่สูญหายไปนี้มีค่ากัมมันตภาพรังสีเริ่มต้นที่ 80 มิลลิคูรี

โดยเขาใช้งานมาเกือบ 30 ปีแล้ว นั้นหมายถึงว่า วัสดุนี้เหลืออยู่อีก 40  มิลลิคูรี ที่จะสามารถแผ่รังสีออกมาได้ และอีก 30 ปี ต่อไปข้างหน้า สารรังสีซีเซียม 137 นี้จะสลายตัวไปอีกครึ่งหนึ่งเหลือ 20  มิลลิคูรี สุดท้ายก็จะสลายต่อไปเรื่อย ๆ จนอยู่ในระดับต่ำมาก สามารถปลดปล่อยสู่ธรรมชาติได้