Sansiri Academy ลุยสร้าง “เยาวชนนักเตะมืออาชีพ”

“Social Change” เป็นแนวคิดการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่มุ่งเน้นการช่วยเหลือ ส่งเสริม และพัฒนาเยาวชนอย่างยั่งยืน ด้วยความเข้าใจปัญหาในทุกมิติ และร่วมมือกับทุกฝ่ายโดยไม่เน้นหน่วยงานใดหน่วยงานเดียว ที่สำคัญคือการร่วมเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานที่มีเจตนารมณ์เดียวกันอย่างองค์การยูนิเซฟประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติที่มุ่งสร้างความตระหนักในด้านสิทธิเด็ก เพื่อสร้างหลักประกันให้เด็กทุกคนได้รับสิทธิในด้านต่าง ๆ และมีชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมกัน

ภายใต้กรอบของ Social Change ประกอบไปด้วย การช่วยเหลือเด็กและเยาวชน 5 ด้าน ได้แก่ The Good Space พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก, The Good Education การให้โอกาสทางการศึกษา, The Good Nutri-tion การสนับสนุนให้เด็กได้สารอาหารครบถ้วน, The Goodwill การขยายความร่วมมือกับคู่ค้าและพันธมิตรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเด็ก และ The Good Sport การสอนทักษะการเล่นฟุตบอลผ่าน Sansiri Academy ที่ทำมากว่า12 ปี โดยเด็ก ๆ ไม่เสียค่าใช้จ่าย

เพื่อให้เด็กที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการมากขึ้น เจ้าของโครงการอย่างแสนสิริจึงต้องลงพื้นที่ ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมในพื้นที่เป้าหมายให้เห็นความสำคัญของการดูแลเด็กและเยาวชนที่จะกลายเป็นอนาคตของประเทศต่อจากนี้

“เศรษฐา ทวีสิน” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยึดมั่นในเจตนารมณ์ส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนให้ได้รับสิทธิในด้านต่าง ๆ และมีชีวิตที่ดี เพราะเด็กในวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยสะท้อนให้เห็นภาพของอนาคตของประเทศได้ว่าจะถูกพัฒนาไปในทิศทางใด

“เราเชื่อว่าความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การบริจาคหรือการกุศลแบบครั้งคราว เราจึงมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่การทำความเข้าใจกับปัญหาในทุกมิติ การวางแผนแก้ปัญหา ไปจนถึงการทำงานกับทุกภาคฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน”

ทั้งนี้ แสนสิริ อะคาเดมี่ ครอบคลุมการช่วยเหลือเด็ก 3 ด้าน คือ ด้านสุขภาพดี จากการพัฒนาทักษะการเล่นกีฬา ด้านการศึกษา จากการได้รับโควตาเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพ หรือต่อยอดสู่ระดับสโมสรและระดับชาติ นอกจากนี้ เรายังได้เพิ่มโปรแกรม Sansiri Academy Pro ที่มีโปรแกรมฝึกซ้อมที่เข้มข้นขึ้น เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยเราส่งเยาวชนเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนในหลายรายการ และยังมีกิจกรรมพิเศษให้เด็กได้ใกล้ชิดกับนักฟุตบอลทีมชาติไทยอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวได้สานฝันนักฟุตบอลเยาวชนสู่เป้าหมายได้กว่า 100 คน โดยมีเยาวชนที่ก้าวไปถึงการเป็นนักฟุตบอลอาชีพประมาณ 15 คน และเยาวชนที่สามารถต่อยอดไปสู่โอกาสด้านการศึกษาอีกกว่า 85 คน

ปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนกว่า 7,000 คน ที่ผ่านการบ่มเพาะทักษะฟุตบอลจากแสนสิริ อะคาเดมี่ โดยมีด้วยกันถึง 7 สนามทั้งในกรุงเทพมหานคร และภูเก็ต ได้แก่ สนามฟุตบอล The Pac พุทธมณฑลสาย 4, สนามฟุตบอลบอย ท่าพระจันทร์ อักษะ, สนามฟุตบอลอินเตอร์พรีเมียร์ ประชาชื่น, สนามฟุตบอล Star Kick อ่อนนุช, สนามฟุตบอลปัญญาซอคเกอร์ปาร์ค, สนามฟุตบอลโรงเรียนสาธิตพัฒนารามอินทรา และสนามหน้าที่ว่าการอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต และกำลังพิจารณาการขยายไปที่ จ.เชียงใหม่

โดยมีทีมผู้ฝึกสอน ประกอบด้วย โค้ชฟุตบอลมืออาชีพที่ได้รับใบอนุญาตอย่างน้อยในระดับ B และ C ซึ่งโค้ชบางคนมีดีกรีเป็นถึงอดีตนักฟุตบอลทีมชาติ เด็กที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับชุดฟุตบอล และใช้อุปกรณ์กีฬากับสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐาน โดยแสนสิริ อะคาเดมี่ เปิดสอนทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-11.00 น. และใช้เวลาเรียนประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะมีการเตะฟุตบอลร่วมกันกับผู้ปกครอง เป็นการออกกำลังกายร่วมกันและกระชับความสัมพันธ์อีกด้วย


“เศรษฐา” อธิบายถึงเหตุผลที่เลือกกีฬาฟุตบอลว่า เป็นกีฬาที่ตนเองชื่นชอบ แม้จะดูว่าเป็นเหตุผลส่วนตัว แต่จริง ๆ แล้ว กีฬาทุกประเภทมีประโยชน์ต่อผู้เล่นทั้งนั้น และตนเชื่อว่า การทำโครงการใดที่มาจากความชื่นชอบ จะผลักดันให้เกิดผลที่ดี และมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น

“สำหรับการเข้าร่วมฝึกฟุตบอล เด็ก ๆ ที่สนใจสามารถมาสมัครเข้าร่วมโครงการได้หมด โดยเราไม่คัดเลือก เพราะอยากให้โอกาสกับเด็กทุกคนที่สนใจ”

ส่วนภาพรวมของ CSR ในปีถัดไป เราจะเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น แต่ที่ผ่านมาเราก็ได้ทำเรื่องของ green และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมาพอสมควร แต่อาจไม่ได้พูดถึงผ่านสื่อมากนัก โดยเราออกแบบบ้านให้เย็นเพื่อลดการใช้พลังงาน รวมถึงใช้พลังงานทดแทนต่าง ๆ ผ่านในโครงการที่พักอาศัยของบริษัท เช่น โซลาร์เซลล์ กังหันลม และนำขยะมาผลิตเป็นไบโอแก๊ส นอกจากนั้นเรายังรณรงค์เรื่องการแยกขยะ และลดการใช้พลาสติกอีกด้วย


ด้าน “มามัดสอาด แหล๊ะมุหมัน” โค้ชผู้ฝึกสอน แสนสิริ อะคาเดมี่ กล่าวว่า เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กยุคนี้ห่างจากการเล่นโทรศัพท์ เล่นคอมพิวเตอร์ และลดการจับกลุ่มมั่วสุม ซึ่งนอกจากเด็ก ๆ จะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังให้ประโยชน์ในด้านสุขภาพ แถมได้มิตรภาพใหม่ ๆ เพราะเราเปิดรับเด็กจากทุกโรงเรียน

“การฝึกสอนของเราจะใช้หลักสูตรสำหรับเด็กซึ่งไม่ยากมาก และเน้นการฝึกขั้นพื้นฐาน ถึงแม้บางคนที่มาจะไม่มีทักษะด้านฟุตบอลเลย อย่างเด็กผู้หญิง หรือเด็กเล็กก็สามารถเรียนรู้ได้ ทั้งนี้ เด็กไทยมีศักยภาพในการเล่นกีฬาฟุตบอลทัดเทียมกับชาติอื่น ๆ แต่ยังขาดการปูทักษะพื้นฐานที่ดี เราจึงตั้งใจที่จะเลือกฝึกพวกเขาให้มีพื้นฐานที่แน่นตั้งแต่เด็ก ๆ เพื่อที่จะได้นำไปต่อยอดได้ง่ายและรวดเร็ว”

นับเป็นโครงการที่ช่วยให้เด็กรุ่นใหม่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์จากการเล่นกีฬา และสร้างโอกาสรวมถึงพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอลให้กับเด็ก ๆ ที่มีใจรักกีฬาฟุตบอลได้มีการฝึกฝนจากโค้ชที่เชี่ยวชาญ และในอนาคตเด็กและเยาวชนเหล่านี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญของชาติในการสร้างประโยชน์สู่สังคมต่อไป…