เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร แลนด์มาร์กใหม่ของทุกไลฟ์สไตล์

เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร

เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุง ที่ตึกคิง เพาเวอร์ มหานคร ชูศิลปะ วัฒนธรรมชุมชน สัมผัสประสบการณ์ล้ำค่า พร้อมเปิดตัวสุดอลังการ 14 ธ.ค. 65

วันที่ 10 ธันวาคม 2565 นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะประธานกรรมการ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นเนล แถลงถึงความคืบหน้าภาคธุรกิจโรงแรมและที่พักของ สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นเนล พร้อมเปิดตัวโรงแรมสุดยิ่งใหญ่แห่งปี The Standard Bangkok Mahanakhon (เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร) ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว และจะมีแกรนด์โอเพนนิ่งสุดอลังการ วันที่ 14 ธ.ค.นี้

เศรษฐากล่าวว่า การเปิดตัวโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร ในประเทศไทย เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง โดยเชื่อว่า แลนด์มาร์กแห่งนี้ จะสร้างปรากฏการณ์ที่ทั่วโลกต้องจดจำ ไม่เพียงเฉพาะแค่ในภูมิภาคเอเชียเท่านั้น เรามั่นใจว่า เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร จะประสบความสำเร็จในการส่งมอบประสบการณ์ ไลฟ์สไตล์ที่เหนือความคาดหมาย สำหรับผู้มาเยือนทุกคน

เราและคุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์) ตั้งใจอย่างเต็มที่และอยากให้เป็นความภาคภูมิใจของประเทศ เศรษฐากล่าว

หรูหรา โดดเด่น ชูเอกลักษณ์ฝั่งเมืองเก่า

เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร เป็นโรงแรมแฟลกชิพแห่งแรกในเอเชีย ที่กรุงเทพมหานคร พร้อมห้องพัก 155 ห้อง บนตึก คิง เพาเวอร์ มหานคร ตั้งแต่ขนาด 40 ตารางเมตรจนถึงห้องเพนต์เฮาส์ขนาด 144 ตารางเมตร

โดดเด่นด้วยโลเคชั่นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก รายล้อมด้วยแหล่งดื่ม กิน เที่ยวมากมาย นอกจากนี้ยังเป็นฝั่งเมืองเก่าของกรุงเทพฯ ที่มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรม และศิลปะท้องถิ่นอันเป็นเสน่ห์ของพื้นที่ ทำให้ชุมชนแถบนี้เป็นย่านที่มีสีสันที่สุดแห่งหนึ่ง

สะท้อนความเป็นเมืองหลวง ผ่านนิยาม Anything But Standard ภายใต้จุดยืนของแบรนด์ The Standard ที่พร้อมสร้างสรรค์และมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้มาเยือน

โรงแรมแห่งนี้ได้รับการออกแบบตกแต่งภายในโดย Jaime Hayon (ไฮเม่ ฮายอน) ศิลปินและนักออกแบบชาวสเปน โดยเกิดขึ้นจากไอเดียที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์แบบเด่นชัดบวกกับพลังของความเป็นกรุงเทพฯ หล่อหลอมเป็นความน่าค้นหาของกรุงเทพผสมผสานการใช้เทคนิคสร้างสรรค์โดยดึงการวาดชิ้นงานต่าง ๆ ในรูปทรงอิสระเข้ามาอยู่ในแต่ละมุมของโรงแรม

ห้องพักอันทันสมัยและสวยงามของถูกตกแต่งโดยใช้โทนสีสบายตา พร้อมโซนบาร์ภายในห้องพักด้วยไฟอ่อน ๆ สะท้อนความหรูหรา ตามด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์เรโทรที่ช่วยชูความโดดเด่นของห้อง

ห้อง Bigger Penthouse ขนาด 144 ตร.ม. ที่มีความกว้างใหญ่ มีห้องครัวสำหรับจัดงานเลี้ยงส่วนตัว โดยอุปกรณ์สุดทันสมัยอย่างแบรนด์ระดับโลก Gaggenau รวมไปถึงห้องน้ำที่มาพร้อมอ่างอาบน้ำใหญ่โต และมีต้นไม้ที่ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติราวกับเหมือนอยู่บ้านที่อบอุ่น

ไม่เพียงเท่านี้ ภายในโรงแรมยังมีบริเวณสระว่ายน้ำ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติพร้อมวิวเมืองเป็นฉากหลัง ไปจนถึงค็อกเทลบาร์ อีกทั้งยังมี The Standard Gym ห้องออกกำลังกายบริการ 24 ชั่วโมง

จุดหมายนักดื่มนักชิม

เดอะสแตนดาร์ด แบงค็อก มีห้องอาหาร บาร์ และที่ไนท์ไลฟ์ ถึง 6 แห่ง เป็นจุดหมายปลายทางที่รวมแหล่งแฮงเอาต์สำหรับนักชิมและนักดื่ม ไม่ว่าจะเป็น The Standard Grill ร้านสเต็กเฮาส์สไตล์อเมริกันแบบออริจินัล เมนูไฮไลต์คือ The Standard BKK Wagyu Burger เบอร์เกอร์เนื้อชิ้นโตกับฟัวกราส์

นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มค็อกเทลที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยุค 1920 จากนิวยอร์กและกรุงเทพ พร้อมด้วยเมนูไวน์หลากชนิด

ไฮไลต์อยู่ที่ชั้น 76 ห้องอาหาร Ojo (โอโฮ) อาหารเม็กซิกันที่ตกแต่งในสไตล์เรโทรผสมความหรูหราและโมเดิร์นอย่างลงยัว รังสรรค์เมนูโดยเชฟ Francisco Paco Ruano ผู้มากประสบการณ์จากประเทศเม็กซิโก

ดื่มด่ำวิวเมืองกรุงเทพ 360 องศา บนชั้น 78 ที่ Sky Beach หนึ่งในรูฟท็อปที่สูงที่สุดในประเทศไทย ฟังเสียงดนตรี พร้อมดื่มค็อกเทลที่หลากหลาย

นอกจากนี้ยังมีอาหารจีนกับ Mott 32 Bangkok ห้องอาหารสไตล์โมเดิร์นกวางตุ้งในตำนานจากฮ่องกง ส่งตรงความอร่อยสู่กรุงเทพฯ เป็นที่แรก ด้วยวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพพรีเมียมจากทั่วโลก

เมนูไฮไลต์ คือ เป็ดปักกิ่งรมควันด้วยไม้แอปเปิล และค็อกเทลพิเศษของบาร์ และเอาใจคนดื่มชาด้วย Tease ทีรูม ซึ่งตกแต่งด้วยโทนสีขาวดำ ให้บรรยากาศสุดคูล พร้อมชิมเมนูชานานาชนิด และอาหารทานเล่นสไตล์อเมริกัน

ยังมี The Parlor ที่แฮงเอาต์ศูนย์กลางของโรงแรมภายใต้การตกแต่งที่ดูโล่ง มีบริการทั้งในอินดอร์และเอาท์ดอร์ รวมพลคนชอบสังสรรค์ พูดคุย ตลอดจนสามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น The Standard Bingo ที่จะเปลี่ยนธีมไปเรื่อย ๆ งานทอล์คพิเศษจากแขกรับเชิญ และไลฟ์ดีเจใน Sounds Studio

ศิลปะชุมชน สู่ทุกมุมของโรงแรม

ภายในโรงแรมมีการสอดแทรกศิลปะย่านชุมชน เข้ามาในทุกบริบท อีกทั้งยังเชื่อมโยงกันถึงความน่าตื่นเต้นของเมืองกรุงเทพฯ ผ่านงานดีไซน์ที่รายล้อมอยู่ทั่วทุกมุมในโรงแรม

เมื่อก้าวสู่ล็อบบี้ จะได้พบกับลายเส้นภาพวาด portrait ของคู่รักบนพื้น โคมไฟหวายที่นำวัสดุท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ และสะดุดตาไปกับผลงานศิลปะ “Flood Plain of the Tributaries of the Orinocco” จากศิลปินชื่อดัง Marc Quinn ที่ถูกแสดงอย่างโดดเด่นบริเวณที่เช็กอิน

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งงานประติมากรรมชิ้นใหญ่ของ Joan Miro ชื่อว่า “Personnage” ถูกจัดแสดงอยู่ตรงบริเวณลิฟต์ทางเดิน รวมไปถึงการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ภายในทั่วไป โดย คุณ Verena Haller Chief Design Officer และทีมออกแบบของ The Standard ให้มีสีสันสวยงาม น่าค้นหา ตลอดจนสิ่งของแฮนด์เมดส่งตรงมาจากแบรนด์ The Standard และจากศิลปินไทยซึ่งวางขายที่ The Shop โดยสิ่งของทั้งหมดถูกเลือกสรรอย่างปราณีตโดยดีไซเนอร์ เพื่อให้ตอบโจทย์และเข้าคู่กับสไตล์ของโรงแรมอย่างชัดเจน

ห้องประชุมวิวเมือง รับแสงธรรมชาติ

ห้องประชุมทั้งหมด 4 ห้อง ของโรงแรมแห่งนี้ ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์กับผู้ที่ต้องการประชุมทั้งแบบจริงจัง และสังสรรค์ พน้อมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย รองรับกิจกรรมของทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งแต่งานเลี้ยงต้อนรับ เวิร์กช็อป โปรดักชั่น และอีกมากมาย ในพื้นที่ขนาดใหญ่ 126 ตร.ม และเพดานสูงถึง 3.2 เมตร สามารถรองรับได้ถึง 80 ที่นั่งสไตล์เธียเตอร์

เศรษฐา ทวีสิน