“สัปเหร่อ” กระแสเเรงต่อเนื่อง รายได้ทั่วประเทศทยานแตะ 300 ล้านบาทแล้ว ความสำเร็จครั้งใหญ่ของ “จักรวาลไทบ้าน เดอะซีรีส์” ฝีมือกำกับฯ “ต้องเต-ธิติ ศรีนวล”
วันที่ 18 ตุลาคม 2566 “สัปเหร่อ” ภาพยนตร์ไทยที่มาแรงอันดับ 1 เวลานี้ ผลงานเรื่องล่าสุดจากจักรวาล “ไทบ้านเดอะซีรีส์” โดยฝีมือผู้กำกับฯ “ต้องเต-ธิติ ศรีนวล” ใช้ทุนสร้างกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งแตกต่างจากภาพยนตร์ในจักรวาลไทบ้านเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นแนวเฮฮา
- ด่วน ! วอยซ์ ทีวี ประกาศปิดกิจการทุกแพลตฟอร์ม เลิกจ้าง 100 กว่าคน
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
สัปเหร่อ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากหมู่บ้านโนนคูณในจักรวาลไทบ้าน เล่าถึงชีวิต เจิด (แสดงโดย นฤพล ใยอิ้ม) เด็กหนุ่มเรียนจบกฎหมายวัย 25 ปี ซึ่งมีพ่อทำอาชีพสัปเหร่อ (แสดงโดย อัจฉริยะ ศรีทา)
แต่พ่อของเจิดมีอาการป่วย เขาจึงต้องมาช่วยพ่อทำอาชีพสัปเหร่อทั้ง ๆ ที่ตัวเองกลัวผีมาก และตั้งใจว่าจะไปสอบเป็นทนาย หรือปลัดอำเภอในตอนแรก
เรื่องราวดำเนินคู่ไปกับ เซียง (แสดงโดย ชาติชาย ชินศรี) ที่มาบวชเป็นพระเพื่อพยายามลืม “ใบข้าว” (แสดงโดย สุธิดา บัวติก) ยิ่งกว่านั้นก็ต้องมาเจ็บปวดเพราะใบข้าวเสียชีวิตลง เซียงจึงพยายามเรียนรู้และศึกษาทฤษฎีต่าง ๆ เกี่ยวกับการเจอคนที่ตายไปแล้ว
จนกระทั่งเซียงได้พบและไปปรึกษาพ่อของเจิด ที่รอการทำพิธีถอดจิตไปโลกความฝัน ซึ่งจะสามารถเจอกับคนที่ตายไปแล้วได้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนคือเซียงต้องมาช่วยเจิดทำงานสัปเหร่อด้วยกัน “สุดท้ายทุกอย่างมีเวลาของมัน ทุกอย่างคือธรรมชาติ ทุกคนต้องเรียนรู้และเข้าใจการเสียคนที่รักไป
สัปเหร่อล้วนซ่อนสัญลักษณ์และนัยต่าง ๆ จากวิถีชีวิต พิธีกรรม ตลอดจนความเชื่อไว้มากมาย ซึ่ง ต้องเต ธิติ กล่าวว่า เราไม่ต้องมีในสิ่งที่คนอื่นมีบ้างก็ได้ เราไม่ต้องไปในที่ที่คนอื่นไปบ้างก็ได้ เราไม่ต้องรู้เรื่องในสิ่งที่คนอื่นรู้เรื่องบ้างก็ได้ เราไม่ต้องเป็นในสิ่งที่คนอื่นอยากให้เป็นบ้างก็ได้ มีในสิ่งที่เราอยากมี ไปในที่ที่เราอยากไป รู้ในเรื่องที่เราอยากรู้ และมีความสุขกับชีวิตของเรา
“มีความสุขกับปัจจุบัน มีความสุขกับสิ่งที่เลือก มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่ อยู่ที่มุมมอง อยู่ที่ความคิด อยู่ที่ความเข้าใจ”
รายได้พุ่งแตะ 300 ล้านบาท
สัปเหร่อเข้าฉายวันแรก 5 ตุลาคม 2566 เป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว แต่กระแสยังแรงต่อเนื่อง สามารถทำรายได้แตะ 100 ล้านบาทในเวลาเพียง 6 วัน และถึง 200 ล้านบาทใน 11 วัน
ล่าสุดวันนี้ 18 ตุลาคม 2566 รายได้จากการเข้าฉายพุ่งถึง 300 ล้านบาทแล้ว ต้องเต ธิติ เผยถึงความสำเร็จในครั้งนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า “ขอบคุณมากจริง ๆ หนังมันเดินทางมาไกลกว่าที่พวกเราฝันไว้เยอะมาก ๆ ขอบคุณทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังทุก ๆ คน ขอบคุณทุกการสนับสนุน ขอบคุณทุกการซัพพอร์ต ขอบคุณทุกการติดตาม ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณที่รักพวกเรา”
