“รถไฟลอยน้ำ” เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เริ่มขายตั๋วแล้ววันนี้ เที่ยวแรก 4 พฤศจิกายน 2566 เรื่อยไปจนถึง 28 มกราคม 2567 เช็กตารางเวลาเดินรถ ค่าโดยสาร และรายละเอียดทั้งหมดที่นี่
วันที่ 25 ตุลาคม 2566 สีสันช่วงปลายปีกลับมาอีกครั้งกับ “รถไฟลอยน้ำ” ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวไปสัมผัสบรรยากาศปลายฝนต้นหนาวกับขบวนรถพิเศษนำเที่ยว เส้นทาง “กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ” แบบไปเช้าเย็นกลับ โดยจะเปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตลอดเดือนพฤศจิกายน 2566 เรื่อยไปจนถึงเดือนมกราคม 2567
- พระราชประวัติ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ วันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน
- “มะพร้าว” ราคาพุ่งเป็นประวัติการณ์ ลูกเดียว 65-80 บาท เกิดอะไรขึ้น?
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
การรถไฟฯเริ่มจำหน่ายตั๋วโดยสารพร้อมกันทุกสถานีทั่วประเทศแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2566 เวลา 08.30 น.เป็นต้นไป และพร้อมเปิดให้บริการเที่ยวแรกวันที่ 4 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งขบวนรถพิเศษนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะเปิดให้บริการรวม 24 วัน ดังนี้ (ขบวนรถจะงดให้บริการช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ ในวันที่ 30-31 ธันวาคม 2566)
- เดือนพฤศจิกายน วันที่ 4, 5, 11, 12, 18, 19, 25, 26 รวม 8 วัน
- เดือนธันวาคม วันที่ 2, 3, 9, 10, 16, 17, 23, 24 รวม 8 วัน
- เดือนมกราคม วันที่ 6, 7, 13, 14, 20, 21, 27, 28 รวม 8 วัน
นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถติดต่อซื้อตั๋วโดยสารและสำรองที่นั่งล่วงหน้าสูงสุดไม่เกิน 30 วัน ด้วยระบบ D-Ticket หรือที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊กทีม พี.อาร์.การรถไฟแห่งประเทศไทย
อัตราค่าโดยสารผู้ใหญ่และเด็กราคาเดียวกัน
รถธรรมดา ชั้น 3 (พัดลม)
- กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ไป-กลับ ราคา 330 บาท
- สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 330 บาท
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ เฉพาะเที่ยวกลับ ราคา 150 บาท
รถปรับอากาศชั้น 2, รถนั่งปรับอากาศ (JR-WEST)
- กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ไป-กลับ ราคา 500 บาท
- สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 500 บาท
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ เฉพาะเที่ยวกลับ ราคา 250 บาท
รถนั่งปรับอากาศ OTOP TRAIN และรถนั่ง/นอนปรับอากาศ JR-WEST
- กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ไป-กลับ ราคา 590 บาท
- สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 590 บาท
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ เฉพาะเที่ยวกลับ 250 บาท
รถธรรมดาชั้น 3 (รถโถง) เดินทางระยะสั้น ไม่สำรองที่นั่ง
- สระบุรี/แก่งคอย-โคกสลุง ไป-กลับ ราคา 200 บาท
ทั้งนี้ การรถไฟฯยังเปิดให้บริการตู้โดยสารพิเศษจัดเฉพาะเช่าเหมาคัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเป็นหมู่คณะ สามารถเช่าพ่วงเพิ่มไปกับขบวนรถนำเที่ยวดังกล่าวได้ สอบถามข้อมูลได้ที่งานตั๋วหมู่คณะ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2621-8701 ต่อ 5202
ตารางเวลาเดินทาง-จอดแวะ
ขบวนรถพิเศษนำเที่ยว กรุงเทพฯ-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์-กรุงเทพฯ ขบวนที่ 921/926 จะมีตารางเวลาการเดินทางและจอดแวะตามสถานีต่าง ๆ ดังนี้
- เริ่มออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 06.00 น. ถึงจุดชมวิวรถไฟลอยน้ำกลางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 09.25 น. โดยขบวนรถจะหยุดกลางสันเขื่อน มีเวลาให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความงดงาม 20 นาที
- เดินทางไปที่สถานีโคกสลุง มีเวลาให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม ชิม ช็อป สินค้าพื้นเมือง OTOP พร้อมทั้งอาหารและของฝากขึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรี ประมาณ 30 นาที
- จากนั้นขบวนรถจะพานักท่องเที่ยวกลับมาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 10.35 น. นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะเป็นเดินเล่นชมวิวริมอ่างเก็บน้ำ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก นั่งรถตัวหนอนไหว้พระใหญ่ รับประทานอาหารกลางวันจากร้านค้าของกลุ่มชุมชนท้องถิ่น หรือท่องเที่ยวรอบนอกตัวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยใช้บริการรถตู้ของกลุ่มรถตู้ชุมชนหน้าเขื่อน ที่นำมาให้บริการเป็นพิเศษ อัตราค่าบริการท่านละ 70 บาทตลอดเส้นทาง นำชมสถานที่ท่องเที่ยวทุ่งทานตะวัน ทุ่งดอกดาวกระจาย และทุ่งหญ้าหลากสีที่บานสะพรั่งสวยงาม ณ บ้านกล้วย & ไข่ คาเฟ่, ไปชมสวนเฟิร์นยักษ์ บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ ที่จุดชมวิว ณ ไร่ทรัพย์ประยูร
- จากนั้นขบวนรถเที่ยวกลับจะออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เวลา 15.30 น. และถึงสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 18.50 น.
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นลงตามจุดต่าง ๆ โดยมีสถานีที่หยุดรับ-ส่ง ได้แก่ สถานีชุมทางบางซื่อ, ดอนเมือง, รังสิต, อยุธยา, สระบุรี, ชุมทางแก่งคอย
“นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์” หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ “นายนิรุฒ มณีพันธ์” ผู้ว่าการการรถไฟฯ ได้ให้ความสำคัญและต้องการให้การรถไฟฯ เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐ เอกชน และจังหวัดต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
การรถไฟฯคาดหวังว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยว และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ สร้างความเข้มแข็งสู่เศรษฐกิจฐานราก และชุมชนให้กลับมามีความเข้มแข็งยั่งยืนต่อไป นายเอกรัชกล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
