7 วิธีเริ่มต้นรักตัวเอง โดย “ครูเม-เมริษา ยอดมณฑป” เจ้าของเพจ “ตามใจนักจิตวิทยา” ผู้เขียนหนังสือ “Self Love, First กอดใจไว้ก่อน” เวิร์กช็อปคุณภาพ เติมเต็มจิตใจ ใน “Knowledge Book Fair 2024 เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม”
เริ่มต้นขึ้นแล้วสำหรับ “Knowledge Book Fair 2024 เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม” ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟังทอล์ก วอล์กทัวร์ เวิร์กช็อป ชมคอลเล็กชั่นพิเศษหลักฐานประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญจากการปฏิวัติ 2475 พร้อมฟังดนตรีในสวนกับ 50 ร้านอาหารดัง ซึ่งจะจัดตั้งแต่วันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2567 ที่มิวเซียมสยาม
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสร่วมกิจกรรม “BookHealing : Self Love อ้อมกอดใจ” พร้อมกับผู้ที่ลงทะเบียนมาเป็นจำนวนมาก วิทยากรโดย “เมริษา ยอดมณฑป” หรือ ครูเม เจ้าของเพจ “ตามใจนักจิตวิทยา” ผู้เขียนหนังสือ “Self Love, First กอดใจไว้ก่อน”
หลายคนเคยสงสัยบ้างไหมกับคำถามที่ว่า “ความรักที่แท้จริงต้องเป็นแบบไหน” “ทำอย่างไรจึงจะได้พบความรักที่แท้จริง” ร่วมหาคำตอบและออกเดินทางหวนกลับสู่หัวใจของเรา เพื่อโอบกอดและปรับมุมมองในการมองความรักที่อยู่รอบตัว และวิธีง่าย ๆ ที่จะเริ่มต้น “รักตัวเอง”
ครูเมกล่าวเริ่มเวิร์กช็อปว่า อาชีพของเธอคือการบำบัดเด็กและให้คำปรึกษาผู้ปกครอง ที่ผ่านมาได้ทำเพจตามใจนักจิตวิทยา ได้ทำความเข้าใจตัวเองเเละผู้อื่นผ่านการเรียนจิตวิทยามา และคิดว่าอยากทำให้จิตวิทยาเข้าถึงง่ายขึ้น เข้าถึงหัวใจทุกคนด้วยภาษาเขียนของเธอ จึงได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เกิดเป็น “Self Love, First กอดใจไว้ก่อน”
รักตัวเองอย่างสมดุล
ครูเมกล่าวว่า Self Love First เกิดจากการที่หลาย ๆ คนพยายามส่งความรักให้คนอื่น แต่เราเคยให้ความรักกับตัวเองหรือไม่ เราให้ความรักคนอื่นได้ การรักคนอื่นง่ายมาก บางคนแค่มองก็รู้สึกตกหลุมรักแล้ว แต่เคยคิดไหมว่าถ้าให้ความรักตัวเองจะต้องเริ่มยังไง
ทำไมเราต้องเริ่มจากการรักตัวเอง ? บางคนบอกว่าการรักตัวเองเป็นการเห็นแก่ตัวหรือเปล่า ? เเล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าการรักตัวเองนั้นสมดุล นักจิตวิทยาหลายท่านได้ศึกษามา และพบว่ามี 4 องค์ประกอบ ที่ทำให้เรารู้ว่าความรักนั้นอยู่ในความสมดุล คล้ายกับร่างกายคนเรา มีทั้งการออกกำลังกาย กินอาหาร นอนหลับ ความรัก และหัวใจของเราก็เช่นกัน
1. Self-Awareness
“Self-Awareness” หรือการตระหนักรู้ในตัวเอง ซึ่งสำคัญมาก แต่ไม่มีใครนึกถึงเท่าที่ควร เราต้องกรองความคิดของตัวเองว่าเรื่องนั้น ๆ เป็นความต้องการของตัวเราหรือของคนอื่น
การตระหนักรู้ในตัวเองจะเป็นตัวช่วยเรา ว่าเรากำลังคาดหวังอยู่บนความเป็นจริงหรือไม่ เรากำลังคาดหวังตัวเราเพราะตัวเรา หรือเพราะคนรอบข้าง
เราอาจไม่ต้องตระหนักรู้ตลอดเวลา แต่เมื่อใดที่เราเหนื่อยและหาคำตอบได้ว่าเหนื่อยเพราะอะไร หรือเศร้าเพราะอะไร สิ่งนี้ดูเหมือนง่าย แต่ร่างกายจะมีกลไกการป้องกันตัว ทำให้เราหาคำตอบไม่เจอ
ดังนั้น “เราจะเกิดความรักต่อตัวเองได้ เราต้องรู้จักตัวเอง ว่าเรามีความคิดต่อตัวเองเช่นไร”
2. Self-Esteem
“Self-Esteem” หรือความมั่นใจและภาคภูมิใจในตัวเอง ซึ่งเกิดได้ตั้งแต่วัยเยาว์ แค่คุณพ่อคุณแม่ชมว่า เดินได้แล้ว หรือลูกเก่งจังเข้าห้องน้ำเองได้แล้ว จะเกิดเป็นความมั่นใจและภาคภูมิใจในตัวเองที่ยั่งยืน เมื่อเราต้องเผชิญอุปสรรค แม้คนจะบอกว่าเราทำสิ่งนั้นไม่ได้ แต่เราจะลุกขึ้นมาแล้วบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรนะ สู้ต่อนะ เดินหน้าต่อนะ สิ่งนี้เกิดจากเรารู้จักลิมิตของตัวเอง
สำหรับวัยทำงาน วัยเรียน ความมั่นใจและภาคภูมิใจในตัวเองสามารถเกิดได้จากคนรอบข้างด้วย คนรอบข้างมีความคิดเห็นกับเรายังไง ซึ่งเมื่อโตขึ้นเราจะต้องการความคิดเห็นจากสังคมมากขึ้น และเราจะแยกแยะได้ว่าอะไรคือการชมอย่างจริงใจ หรือชมปลอม ๆ
3. Self-Worth
เมื่อ Self-Esteem เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ว่าเราทำได้มากแค่ไหน ทำได้ดีแค่ไหน จนมั่นใจว่าเราทำได้แน่ ๆ ประสบการณ์บ่งบอกเรา ก็จะทำให้เกิด “Self-Worth” ซึ่งเป็นการเห็นคุณค่าในตัวเอง รู้ว่าสิ่งนี่ที่เราเป็นไม่มีใครเอามันไปจากเราได้
“ยากถ้าบอกว่าให้กลับไปรักตัวเองนะ แต่ถ้าบอกว่าลองกลับไปทำความรู้จักตัวเองนะ วันนี้เราทำอะไรได้บ้าง เริ่มจากจุดเล็ก ๆ”
4. Self-Care
“Self-Care” หรือการดูแลตัวเอง สิ่งนี้จะอยู่กับเราตลอด เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้ามา เป็นจุดเริ่มต้นของการที่จะกลับมารักตัวเอง Self Love ไม่ใช่การตามใจตัวเอง แม้ร่างกายบอกว่าไม่อยากกิน ไม่อยากลุก ไม่เอาอะไรเเล้ว แต่ Self-Care จะบอกว่าต้องลุก ต้องกิน ถ้าไม่ไหวต้องไปหาหมอ
7 ขั้นตอนเริ่มต้นรักตัวเอง
ครูเมกล่าวว่า เรามักจะลืมสิ่งเล็ก ๆ เสมอ เพราะว่าเรามองไปที่เป้าหมายใหญ่ตลอด เช่นเราไปเที่ยวภูเขาฟูจิ เราก็อยากได้เห็นภูเขาชัด ๆ สวย ๆ แต่ระหว่างทางอาจมีคุณยายขายขนมร้อน ๆ ให้เรากินตอนอากาศหนาว หรือมีดอกไม้ที่ผุดขึ้นมาในกองหิมะ เป็นสิ่งที่เล็กมาก ซึ่งมันจะเติมเต็มเราในวันที่เราเเย่ที่สุด
1. เท่าทันความคิดตัวเอง
“รู้เท่าทันความคิดตัวเอง” ข้อแรกนี้ก็มาจาก Self-Awareness รู้มั้ยว่าเราคิดอะไร อยากทำอะไร อยากไปที่ไหน ซึ่งจริง ๆ เราไม่ต้องรู้ลึกว่าเรารู้สึกอย่างไร เริ่มต้นเเค่ตื่นมาเเล้วรู้ว่าอยากหรือไม่อยากทำอะไรก็พอ
ถ้าเราต้องฝืนในสิ่งที่ไม่อยากทำ เราจะฝืนต่อได้นานแค่ไหน แล้วมันคุ้มค่ามั้ย หรือเราจะเลิกทำ และไปทำในสิ่งที่อยากทำจริง ๆ ซึ่งหลายคนบอกว่าต้องใช้ความกล้าหาญที่จะทำตามใจตัวเอง เราจะเริ่มได้ก็ต่อเมื่อรู้ว่าหัวใจเราต้องการอะไร
หากถามตัวเองแล้วไม่ได้คำตอบ ก็อาจคุยกับเพื่อนสนิทหรือคนที่ไว้ใจ ลองสังเกตกันและกัน เพราะการตระหนักรู้ในตัวเองก็เหมือนกระจกที่สะท้อนกันไปมา บางทีเราอาจไม่รู้เลยว่าเรากำลังรู้สึกอะไร หรือเป็นอย่างไรอยู่โดยที่ไม่รู้ตัว
2. ลงมือทำเพื่อตัวเองอย่างแท้จริง
การรักตัวเองต้องลงมือทำ แค่คิดไม่พอ ต้องเริ่มทำ ง่าย ๆ จากการตื่นขึ้นมาอาบน้ำ กินข้าว หรือลองที่จะไปที่ที่หนึ่งด้วยตัวเอง บางทีเราอาจไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร แต่เราก็แค่อยาก ซึ่งมันไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อน ไม่คนอื่นเดือดร้อน หรือข้าวของเสียหาย กฎ 3 ข้อที่ครูเมมักจะบอกอยู่เสมอ ๆ
ลองเลย ลงมือทำ ความรักเกิดจากการที่เราค่อย ๆ ตกหลุมรักตัวเองเมื่อเราทำบางสิ่งบางอย่างได้ เช่นเดียวกับการที่เราตกหลุมรักคนอื่นจากมุมที่น่ารักของเขา สุดท้ายเราจะมีความสุขที่ได้ทำ เราเป็นเราที่อยู่ตรงนั้น เมื่อนั้นความรักจะค่อย ๆ เกิดขึ้น
3. การดูแลตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ
สิ่งใดจำเป็นต้องทำแม้จะฝืน แต่ถ้าไม่ไหวก็ต้องขอความช่วยเหลือ เป็นสิ่งที่ครูเมย้ำเสมอ ลองลงมือทำเพื่อดูแลร่างกายและจิตใจ เพราะถ้าร่างกายดี จิตใจก็จะดี
4. กำหนดขอบเขตให้ชัดเจน
เรากล้ากำหนดขอบเขตที่ชัดเจนสำหรับตัวเองและคนอื่นหรือไม่ ความมั่นใจในตัวเองจึงเป็นหนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญเพื่อปกป้องตัวเอง
เรามักปล่อยให้คนเอาเปรียบเรา ให้คนท็อกซิกเข้ามา ทั้ง ๆ ที่รู้แต่ทำไมเราปฏิเสธไม่ได้ สิ่งนี้คือความมั่นใจในตัวเอง เราต้องมั่นใจว่าเราดีพอ เราไม่ควรที่จะปล่อยให้เขาทำแบบนั้น
แม้ว่าเป็นสิ่งที่คนใกล้ตัว หรือคนในครอบครัวไม่เห็นด้วย แต่ถ้าเรามองว่ามันคือคุณค่า คือตัวเรา เรารักมันจริง ๆ และมันไม่ได้ทำร้ายตัวเองหรือทำร้ายใคร ก็อยากให้เรารักษาความเป็นตัวเองนั้นไว้ แม้แต่คนในครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่สุดก็ไม่อาจจะมาทำลายมันได้ แม้เขาจะเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกเราได้ก็ตาม แต่ก็ไม่เท่าตัวเราเข้าถึงตัวเอง
5. กล้าที่จะปกป้องและยืนหยัดเพื่อตัวเอง
เมื่อเรารู้แล้วว่ากำลังจะโดนทำร้าย หรือเริ่มทำให้รู้สึกบั่นทอน สังเกตได้จากเราเริ่มเหนื่อยเมื่ออยู่ใกล้ เริ่มไม่เห็นด้วยไปทุกสิ่ง และรู้สึกว่าเราไม่ดีพอเมื่ออยู่ใกล้เขา เหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าเราควรเดินออกมา หรือหยุดความสัมพันธ์นั้นลง
อย่าคิดว่าเขาดีกับเราที่สุด เพราะคนอื่นไม่ดีกับเรา นั่นเพราะเราคิดว่าตัวเองไม่ดีพอ “แม้ว่าเราออกมาแล้วยังไม่เจอคนที่ดีกับเราก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีเรา” ซึ่งก็เป็นขั้นที่ต้องยอมรับว่ายากพอสมควร
6. ให้อภัยตัวเองในวันที่ผิดพลาด
ในชีวิตเราต้องเคยพลาดอะไรกันบ้าง และมีเรื่องที่เรายังไม่ให้อภัยตัวเองอยู่ กลายเป็นบาดแผลสำหรับใครหลายคน ว่าเราทำอะไรไม่ได้ตามความคาดหวัง
ซึ่งจะกลับไปสู่ข้อแรกว่าเราตระหนักรู้หรือไม่ สิ่งที่ผิดพลาดเป็นความคาดหวังใคร เรา หรือคนอื่น ดังนั้น “ความรักที่ทรงพลังที่สุดคือความรักที่สามารถให้อภัยตัวเองได้”
7. ใช้ชีวิตอย่างที่เราตั้งใจ
เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เราอยากที่จะเป็นเราในแบบไหน ความยิ่งใหญ่ของความตั้งใจไม่ได้เทียบกับใคร เทียบกับว่าเราอยากไปถึงจุดนั้นไหม และความตั้งใจไม่ใช่เป้าหมาย หลายคนอาจมองไปที่ผลลัพธ์ แต่การรักตัวเองอยากให้มองที่ระหว่างทาง
“เมื่อใจเราเปิดกว้างและยอมรับตัวเองอย่างจริงใจ ความรักและคุณค่าของเราจะค่อย ๆ เติบโตภายในตัวเรา”
- เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม แปรรูปหนังสือเป็นกิจกรรม ที่มิวเซียมสยาม
- “Knowledge Book Fair 2024 เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม” ครั้งที่ 2 มหกรรมองค์ความรู้ระดับประเทศ กับ 7 ความเต็ม…
- เช็กกิจกรรม ‘เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม’ ฟังทอล์ก วอล์กทัวร์ เวิร์กช็อป 16-18 ก.พ.นี้ ที่มิวเซียมสยาม
- ส่องเล่มไฮไลต์สำนักพิมพ์มติชน ใน ‘เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม’ 16-18 ก.พ.นี้ ที่มิวเซียมสยาม
- เทศกาลอ่านเต็มอิ่ม รวมสุดยอด 50 ร้านดัง 16-18 ก.พ.นี้ ที่มิวเซียมสยาม