ตลาดสัตว์เลี้ยงโต 7.5 หมื่นล้าน “ไลฟ์สไตล์-ธุรกิจ” ต่อยอดรับเมกะเทรนด์

pet

พฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงของคนเราในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมากพอสมควร เนื่องจากขนาดของครอบครัวที่เล็กลง จากเดิมที่เคยเป็นครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานหลายคน ก็เหลือเพียง 1-2 คนเท่านั้น หรือไม่นิยมมีลูกเลย และประชากรผู้สูงอายุที่นิยมเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนแก้เหงา ทำให้เกิดเป็นเมกะเทรนด์ที่คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก หรือคนในครอบครัวไปทั่วโลก ยิ่งไปกว่านั้นยังพร้อมจ่ายไม่อั้น

เลี้ยงดูเหมือนลูก-สมาชิกในครอบครัว

มีคำศัพท์ใหม่มากมายเกี่ยวกับเทรนด์สัตว์เลี้ยงที่เกิดขึ้นนั่นคือ “Pet Humanization” และ “Pet Parents” ที่หมายถึงพฤติกรรมที่เจ้าของเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเสมือนลูกหรือสมาชิกของครอบครัว นำไปสู่การเป็น “Petriarchy” ที่แปลว่า “ทาสหมา-ทาสแมว” หรือการเลี้ยงดูแบบตามใจ

นอกจากนี้ ยังมีคำว่า “Petriarchy” นั่นคือการที่สัตว์เลี้ยงบางตัวอาจยกระดับบทบาทจากสมาชิกปกติในครอบครัว เป็นสมาชิกที่สามารถสร้างรายได้จากการดึงดูดความสนใจของคนในสังคมวงกว้าง เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีผู้ติดตามผ่านโซเชียลมีเดีย ผ่านการสร้างคอนเทนต์

พฤติกรรมเหล่านี้กลายเป็น “Petconomy” หรือระบบเศรษฐกิจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ชีวิตประจำวันของสัตว์เลี้ยง อาหาร ของเล่น ของใช้ เฟอร์นิเจอร์ ที่อยู่อาศัย โรงแรม โรงพยาบาล ไปจนถึงบริการที่เกี่ยวข้องหลังสัตว์เลี้ยงตายลง

ปี’67 ตลาดสัตว์เลี้ยงโต 7.5 หมื่นล้าน

“ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี” (ttb analytics) คาดว่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2567 จะมีมูลค่าราว 7.5 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 12.4% จากปี 2566 เนื่องจากการต่อยอดรูปแบบการเลี้ยงดูในมิติของ Pet Humanization เข้าสู่ Petriarchy และ Pet Celebrity ที่หนุนให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเจ้าของจะมีภาระค่าใช้จ่ายสำหรับสัตว์เลี้ยงเฉลี่ย 41,100 บาทต่อตัวต่อปี ซึ่งสูงกว่าการเลี้ยงดูแบบปล่อยอิสระที่จะมีค่าใช้จ่ายราว 7,745 บาทต่อตัวต่อปี

โดยในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงและบริการรักษาสัตว์ ได้รับอานิสงส์จากเมกะเทรนด์ดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดอาหารสัตว์ขยายตัวมีมูลค่าแตะ 4.46 หมื่นล้านบาท และมูลค่าการรักษาสัตว์มีมูลค่า 6.64 พันล้านบาท ในปี 2567 อีกกลุ่มคืออุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและบริการดูแลสัตว์เลี้ยงที่ได้รับอานิสงส์ โดยคาดว่ามีมูลค่า 2.29 หมื่นล้านบาท และ 0.66 พันล้านบาท ตามลำดับ

The 1 Insight และ CRC VoiceShare เผยผลการวิจัยตลาดสัตว์เลี้ยงของประเทศไทยว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวคิดเป็น 63% ของยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ทั้งหมด โดยอาหารแมว ขนมแมว ทรายแมว และห้องน้ำแมว เป็นสินค้าที่มียอดขายสูงสุดในทุกหมวดสัตว์เลี้ยง เนื่องจากสินค้าสำหรับแมวมีความหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของมากกว่าสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ

ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงสัตว์ประเภท Exotic เช่น ปลา กระต่าย และนก ฯลฯ ก็กำลังขยายตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดการใช้จ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง Exotic นั้นเติบโตสูงกว่า 50% ในขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์สำหรับแมวและสุนัขเติบโตอยู่ที่ 8% และ 6% ตามลำดับ

สัตว์เลี้ยงและช่วงวัยเจ้าของ

ผลการวิจัยของ The 1 Insight และ CRC VoiceShare ระบุว่า การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้านมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับอัตราการเกิดของประชากรไทยที่ลดลงในทุก ๆ ปี โดยมีผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงกว่า 65% ที่เป็นกลุ่ม Pet Parent

หากจำแนกตามช่วงวัยของเจ้าของแล้ว จะพบว่าคนรุ่น Baby Boomer เป็นกลุ่มที่เลี้ยงสัตว์น้อยที่สุดจากทุกช่วงวัย ส่วนคนรุ่น Gen X มีสัดส่วนผู้เลี้ยงปลาและนกสูงสุดจากสัตว์เลี้ยงทุกชนิด เพราะไม่สร้างภาระให้ผู้เลี้ยงมากนัก เป็นสัตว์เลี้ยงที่เสริมให้บ้านมีชีวิตชีวา และยังช่วยเสริมความเป็น
สิริมงคลตามความเชื่อได้

สำหรับคนรุ่น Gen Y มีสัดส่วนผู้เลี้ยงแมวสูงสุดจากสัตว์ทุกชนิด เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและนิยมอาศัยอยู่คอนโดฯ การเลี้ยงแมวจึงเป็นทางเลือกที่ลงตัวสำหรับคนรักสัตว์ในวัยสร้างตัว ขณะที่คนรุ่น Gen Z เลี้ยงสุนัขมากที่สุด และมีการใช้จ่ายเติบโตสูงสุดจากทุกช่วงวัยถึง 46%

ธุรกิจดาวรุ่งปี’67

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้จัดอันดับให้ธุรกิจสัตว์เลี้ยงอยู่ในอันดับ 8 จาก 10 ธุรกิจดาวรุ่งประจำปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุน ประกอบด้วย พฤติกรรมของผู้คนที่หันมาให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น กระแสการเลี้ยงสัตว์ในฐานะสมาชิกของครอบครัวได้รับความนิยมมากขึ้น เกิดเมกะเทรนด์ที่มาแรงคือ Pet Humanization ทำให้มีความยินดีที่จะใช้จ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยงมากขึ้น

นอกจากนี้ รูปแบบสินค้าและบริการสัตว์เลี้ยงก็มีความหลากหลาย เช่น โรงแรม สปา สระว่ายน้ำสำหรับสุนัข คาเฟ่สัตว์เลี้ยง เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และอื่น ๆ เป็นต้น รวมไปถึงการเสนอขายที่พักอาศัยแนวตั้ง (คอนโดฯ) ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ หรือแม้กระทั่งบริการจัดงานศพสำหรับสัตว์เลี้ยง ตลอดจนความต้องการฝึกสัตว์เลี้ยงให้มีระเบียบและเชื่อฟังคำสั่ง ส่งผลให้เกิดความต้องการโรงเรียนและครูฝึกสัตว์เลี้ยงมากขึ้น และแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้ผู้คนสามารถเลือกซื้อสัตว์เลี้ยง หรือสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงได้ง่ายขึ้น

ขณะที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ตลาดการดูแลสัตว์เลี้ยงทั่วโลก (อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง และบริการ) ในปี 2565 มีมูลค่ากว่า 280,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าระหว่างปี 2566-2575 จะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 7 หรือคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 550,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2575

ทั้งนี้ สำหรับปี 2565 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับ 6 ของโลก และส่งออกอาหารสุนัขและอาหารแมวเป็นอันดับ 3 ของโลก มีมูลค่าการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง 2,803 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.36 ของการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของโลก โดยมีตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย อิตาลี และออสเตรเลีย ตามลำดับ

อสังหาฯรับเทรนด์ใหม่

ล่าสุด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายราย เริ่มปรับตัวปรับแผนสร้างคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ให้ผู้อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ อาทิ

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่เดินหน้าบุกตลาดคอนโดมิเนียมสำหรับกลุ่ม Pet Lover อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 โดยปัจจุบันพัฒนาคอนโดฯตอบโจทย์เหล่า Pet Lover สะสม 16 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 26,000 ล้านบาท ครอบคลุมหลายแบรนด์ เช่น บรอมพ์ตัน, บริกซ์ตัน, ดิ ออริจิ้น, ออริจิ้น เพลย์, ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ และออริจิ้น เพลส โดยปี 2566 ที่ผ่านมา ออริจิ้นเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสำหรับ Pet Lover ทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 13,025 ล้านบาท

บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ก็เช่นกันที่ในปีนี้เปิดโครงการใหม่ “เคฟ วันเดอร์แลนด์” มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาทเป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกในย่านรังสิตที่สามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ เพื่อตอบโจทย์ทุกมิติการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่

ด้าน บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก็ได้เปิดตัว “MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet” แบรนด์แรกและครั้งแรกของไทยที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ Exotic ได้อย่างเป็นทางการ นำร่องโครงการแรก “เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว” คอนโดฯ ไฮไรส์ 45 ชั้น จำนวน 741 ยูนิต ราคา 3-20 ล้านบาท และเตรียมขยายสู่ทุกโครงการในอนาคต