
20 ปีที่รอคอย รู้จัก “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” จังหวัดอุดรธานี มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ของไทย
นับเป็นข่าวดีและหมุดหมายสำคัญในแวดวงประวัติศาสตร์และโบราณคดีของประเทศไทย เมื่อองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้ประกาศให้ “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” จังหวัดอุดรธานี เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” (Phu Phrabat, a testimony to the Sīma stone tradition of the Dvaravati period)
โดยได้รับการประกาศเป็นแหล่งมรดกวัฒนธรรมแบบต่อเนื่อง จำนวน 2 แหล่ง ประกอบด้วย “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” และ “แหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน” ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกห่างจากอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ประมาณ 12 กิโลเมตร (แหล่งวัฒนธรรมสีมา วัดพระพุทธบาทบัวบาน ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ประมาณ 8 กิโลเมตร)
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ยื่นเอกสารเกี่ยวกับอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดโลกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ พ.ศ.2547 หรือกว่า 20 ปีที่แล้ว จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดโลกทางวัฒนธรรมใน พ.ศ.2567
ทำให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นมรดกโลก แหล่งที่ 8 ของประเทศไทย โดยเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งใหม่ ลำดับที่ 5 ของประเทศไทย และ จังหวัดอุดรธานี นับเป็นจังหวัดแรกที่มีแหล่งมรดกโลกจำนวน 2 แหล่งในพื้นที่ต่อจากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
ภูพระบาทแห่งเทือกเขาภูพาน
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บนภูเขาหินทรายขนาดเล็กในเทือกเขาภูพาน อำเภอบ้านผือ ทางทิศตะวันตกของจังหวัดอุดรธานี ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขือน้ำ มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 320 – 350 เมตร โดยลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาที่มีเพิงหินขนาดใหญ่เรียงรายอยู่ในเขตป่าทึบ
ซึ่งเพิงหินที่มีรูปร่างแปลกตาเหล่านี้ เกิดโดยการกระทำจากการเคลื่อนตัวของธารน้ำแข็งในยุคมีโซโซอิก-ครีเทเชียส (Mesozoic-Cretaceous) และการกัดเซาะที่เกิดขึ้นในอัตราที่แตกต่างกันของชั้นหิน ทำให้มีก้อนหินแบนราบขนาดใหญ่วางอยู่บนยอดเสาเฉลียงหนึ่งต้น หรือหลายต้น และมีความสูงที่แตกต่างกัน คล้ายกับเห็ดขนาดใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วไปในพื้นที่ภูเขาแห่งนี้
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทมีจุดเด่นแตกต่างจากอุทยานประวัติศาสตร์แห่งอื่น ๆ เนื่องจากโบราณสถานส่วนมากที่พบอยู่ในอุทยาน โดยโครงสร้างแล้วเกิดจากกระบวนการทางธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อธรณีสัณฐานของพื้นที่ ก่อนที่มนุษย์ในอดีตจะเข้ามาดัดแปลงเพื่อสนองต่อวัฒนธรรมในแต่ละสมัย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ พ.ศ. 2532 กรมศิลปากรได้จัดตั้งอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทขึ้น โดยดำเนินการศึกษาค้นคว้า วิจัย อนุรักษ์ และพัฒนาแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง มาตามลำดับ
โดยพบหลักฐานที่สำคัญซึ่งบ่งชี้ถึงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อประมาณ 2,500-3,000 ปีมาแล้ว ดังที่ได้พบภาพเขียนสีมากกว่า 54 แห่งบนภูเขาลูกนี้
ปัจจุบันอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นหน่วยงานหนึ่งในสังกัดสำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น กรมศิลปกร กระทรวงวัฒนธรรม และมีโบราณสถานในพื้นที่รับผิดชอบซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วทั้งสิ้น 78 แห่ง
อารยธรรมบนภูพระบาท
สำหรับอารยธรรมที่พบบนอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เป็นภาพเขียนสีซึ่งมีทั้งภาพการดำรงชีวิตด้วยการหาของป่าล่าสัตว์เเละภาพการทำเกษตรกรรม
โดยภาพเขียนสีที่พบมีทั้งเเบบเขียนด้วยสีเดียว (Monochrome) คือ สีเเดง เเละหลายสี (Polychromes) คือ สีเเดง ขาว และ เหลือง ซึ่งเเบ่งภาพได้เป็น 2 ประเภท คือ ภาพเสมือนจริง (ภาพคน, สัตว์, พืช, สิ่งของ) และ ภาพนามธรรม (ภาพสัญลักษณ์, ลายเรขาคณิต)
จากการศึกษาลักษณะและเนื้อหาของภาพเขียนสี ทำให้นักโบราณคดีสันนิษฐาสว่าน่าจะมีอายุราว 3,000 – 2,500 ปีมาเเล้ว เนื่องจากเป็นสมัยที่มนุษย์รู้จักการทำเกษตรกรรมเเละการทำเครื่องมือเครื่องใช้จากโลหะเเล้ว
ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าสิ่งที่นำมาใช้เขียนนั้นเป็นสีที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติเช่น ดินเทศ แร่เฮมาไทต์ โดยอาจนำสีที่ได้ไปผสมกับของเหลวที่มีคุณสมบัติเป็นกาว เช่น ยางไม้ และนำมาเขียน เพื่อให้สีติดกับเพิงหิน
สำหรับอารยธรรมยุคประวัติศาสตร์ พื้นที่บนภูพระบาทได้รับเอาวัฒนธรรมทวารวดีที่แพร่มาจากภาคกลางของประเทศไทย พร้อมกับคติความเชื่อทางพุทธศาสนา เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 – 16 หรือราว 1,400 – 1,000 ปีมาแล้ว
ทำให้เกิดการก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาขึ้น ได้แก่ การตกแต่งหรือดัดแปลงเพิงหินให้เป็นศาสนสถาน โดยมีรูปแบบการติดตั้งใบเสมาหินทรายล้อมรอบเอาไว้
ต่อมาอิทธิพลศิลปกรรมแบบเขมรที่แพร่หลายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ได้เข้ามามีบทบาทในพื้นที่ ราวราวพุทธศตวรรษที่ 15 – 18 โดยถ้ำพระมีการตกแต่งสกัดหินเป็นรูปพระโพธิสัตว์และรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเขมร
นอกจากนี้ยังมีการสลักลวดลายบนใบเสมาหินทรายเป็นเรื่องพุทธประวัติและชาดก ตามรูปแบบศิลปกรรมแบบเขมร ที่วัดพระพุทธบาทบัวบานและวัดโนนศิลาอาสน์ ในพื้นที่ใกล้เคียง
ต่อมาวัฒนธรรมล้านช้างได้ขยายอิทธิพลมายังภูพระบาท โดยพบหลักฐานเป็นพระพุทธรูป เช่น พระพุทธรูปที่ถ้ำพระเสี่ยง ในราวพุทธศตวรรษที่ 22 – 23
ทั้งนี้ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม – 12 สิงหาคม 2567 เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคน ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ร่วมเฉลิมฉลองการประกาศขึ้นทะเบียน ภูพระบาทเป็นมรดกโลกในครั้งนี้