“ไข่ผำ” ดูดซับคาร์บอน

Wolffia
คอลัมน์​ : สามัญสำนึก 
ผู้เขียน : สมถวิล ลีลาสุวัฒน์

ไข่ผำ (Wolffia) เป็น Super Food สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน

เมื่อก่อนยังไม่ค่อยมีคนรู้จักในวงกว้าง บางคนก็เรียกเพี้ยนเป็น “ไข่หำ”

มาวันนี้ “ไข่ผำ” กำลังดังระเบิด ได้รับความนิยมมาก

เพราะคนเริ่มรู้ถึงคุณประโยชน์และความมหัศจรรย์ของพืชเล็ก ๆ ชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ไข่ของสัตว์

แต่เป็นหนึ่งในพืชน้ำ ซึ่งเป็นอาหารแห่งอนาคต ที่เป็น Mega Trend ที่น่าจับตา จากพืชน้ำในชุมชนบ้านนอกในหลาย ๆ จังหวัด อาทิ กาญจนบุรี จันทบุรี ฯลฯ ปัจจุบันกำลังได้รับการพัฒนาเพิ่มมูลค่า และถูกนำมาเป็น “วัตถุดิบ” เพื่อใช้ประกอบในภาคอุตสาหกรรมอาหาร

นับเป็นเรื่องน่ายินดี ที่ไข่ผำจะได้ไปไกล ไปต่อ ไปเพื่อชาวบ้าน และไปเพื่อประเทศไทย บอกเลยว่า ส่วนตัวชื่นชอบและชื่นชมมากที่คนไทยไม่ทิ้งไข่ผำไว้ข้างหลัง

ADVERTISMENT

เดิมทีไข่ผำเป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่พบได้ทั่วไปตามห้วย หนอง คลอง บึง ซึ่งเป็นพืชลอยน้ำตระกูลแหน ลักษณะเป็นเม็ดสีเขียว ๆ ขนาดเล็กจิ๋ว

รูปร่างวงกลมหรือเกือบกลมขนาดเล็ก ไม่มีราก เป็นพืชดอกขนาดเล็กที่สุดในโลก ขยายพันธุ์ด้วยการแตกหน่อ

ADVERTISMENT

เนื่องจากเป็นพืชที่มีโปรตีนและคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารพฤกษเคมี (Phytochemical) ที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะมีกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุดถึง 3 อันดับแรก

นั่นคือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท)

จากการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้ง ได้พบว่า มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวถึง 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ในปริมาณที่สูงเช่นกัน

ด้วยข้อดีและหน้าตาของไข่ผำแบบไทย ๆ จึงได้รับการยกย่องว่า เป็น “กรีนคาร์เวียร์” คู่แฝดไข่ปลาคาร์เวียร์ ที่ชนชั้นสูงจะนิยมรับประทาน เพราะมีราคาแพง หายาก มีคุณค่าทางโภชนาการเช่นกัน ต่างกันแค่สีดำกับสีเขียว ถ้าลองเอามาทำไข่เจียวซอยพริกลงไปทอดเป็นแพก็น่าจะอร่อย

สรุป ๆ ไข่ผำของไทยมีโปรตีนสูงมากถึง 20-40% และมีสารต้านอนุมูลอิสระ อันนี้สำคัญ ทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยดูดซับคาร์บอนด้วย

ปัจจุบันไข่ผำได้ถูกยกระดับมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวชาวบ้านและชุมชน ที่ตั้งใจเพาะเลี้ยงอย่างจริงจังและถูกสุขอนามัย

เพราะการเลี้ยงไม่ยุ่งยาก แค่ใส่ใจ รู้หลักรู้วิธี ซึ่งใช้ระยะเวลาเพาะเลี้ยงไม่นาน ก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ศัตรูพืชก็น้อย ทำให้ต้นทุนต่ำ จึงมีแนวโน้มเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ด้วยจุดเด่นในตัวของมันเอง

ทิศทางและนวัตกรรมของไข่ผำจะก้าวไกลดั่งใจที่หวังแค่ไหน อย่างไร ต้องมาร่วมเปิดประสบการณ์ตรงด้วยกันจากงานเสวนาและกิจกรรมแห่งปีของ “เทคโนโลยีชาวบ้าน” ผู้นำสื่อออนไลน์การเกษตรครบวงจร ที่จะจัดงานใหญ่ในวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 10.30-16.30 น. ณ อาคารข่าวสด ถนนเทศบาลนิมิตใต้ หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จะมาด้วยรถไฟฟ้าสายสีแดงก็สะดวก ลงสถานีวัดเสมียนนารี แล้วต่อวิน 15 บาท

งานสัมมนามีหัวข้อน่าสนใจ คือ “ไข่ผำ-วานิลลา : เจาะลึกโอกาสธุรกิจพืชเทรนด์ใหม่” จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 12.00 น. ก่อนพาเข้าสู่การเปิดเวทีและกล่าวปาฐกถาพิเศษโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในหัวข้อ “ทิศทางพืชมูลค่าสูงและโอกาสของเกษตรไทย”

ตามด้วย Special Talks พีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และ รพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร สองผู้นำที่จะมาพูดคุยในหัวข้อ Renewable ปรับเกษตรไทย สู่เกษตรมูลค่าสูง

จากนั้น อนุวัฒน์ กำแพงแก้ว ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยพืชอนาคตใหม่ กรมวิชาการเกษตร และ “ณัฐ-ณัฐวุฒิ จันทร์เรือง” เจ้าของสวนจันทร์เรือง จังหวัดจันทบุรี ชาวสวนรุ่นใหม่ ผู้พัฒนาเลี้ยงผำเชิงอุตสาหกรรม จะมาขึ้นเวทีเล่าถึงการสร้างมูลค่า “ไข่ผำ” ให้เกิดรายได้ ในหัวข้อ ปลดล็อกศักยภาพ “ไข่ผำ” พืชเทรนด์ใหม่ ตอบโจทย์อนาคตยั่งยืน

ซึ่งน่าสนใจมาก งานนี้ฟรีตลอดงานค่ะ