อินดี้ แสนโกศิก ทายาทปุ้ย TPN เชื่อมโยง เวทีนางงาม & ลงทุนดิจิทัล

สพลเชษฐ์ แสนโกศิก
พลพัต สาเลยยกานนท์ : เรื่อง

ถ้าจะกล่าวถึงเวทีการประกวดนางงาม Miss Universe Thailand คงจะนึกถึงความสวย ความงามจากเหล่าผู้เข้าประกวด และการแข่งขันด้านความสามารถ แต่ใครจะไปรู้ล่ะ…ว่า เวทีการประกวดแห่งนี้ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยการเชื่อมโยงไปสู่การลงทุนบนสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างน่าสนใจ

หนึ่งในพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นผู้ร่วมสนับสนุนการประกวดในปีนี้ ปรากฏชื่อของ Bitkub แพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงการมอบรางวัลให้แก่สาวงามผู้ชนะเป็น สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโทเคอร์เรนซี เป็นครั้งแรกตั้งแต่มีการจัดประกวดขึ้นมา ซึ่งเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากรางวัลอันมีมูลค่าอื่น ๆ อาทิ มงกุฎเกียรติยศ, รถยนต์, คอนโดมิเนียม และเงินรางวัน 1 ล้านบาท

สำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังของจุดเชื่อมโยงระหว่าง “การลงทุนดิจิทัล” กับ “การประกวดนางงาม” ให้มาบรรจบได้ อยู่ที่ผู้บริหารหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงอายุ 23 ปี คีย์แมนคนสำคัญอย่าง “อินดี้” สพลเชษฐ์ แสนโกศิก กรรมการผู้จัดการ ด้านการลงทุนและนวัตกรรม (Chief Innovation Officer) บริษัท คราวเอ็กซ์ จำกัด หรือ Crownex ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ดีไลฟ์ ประชาชาติธุรกิจ” เป็นครั้งแรก

ก่อนอื่นเลยเชิญทำความรู้จักผู้บริหารหนุ่มท่านนี้ ชื่อเล่นนามว่า “อินดี้” เป็นทายาทของ “ปุ้ย-ปิยาภรณ์ แสนโกศิก”  กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเอ็น โกลบอล จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดประกวด Miss Universe Thailand

สำเร็จการศึกษาจาก The Architectural Association School of Architecture ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เปิดสอนหลักสูตรในสาขาวิชาชีพทางด้านสถาปัตย์ที่เก่าแก่ที่สุดในสหราชอาณาจักร

“ผมเรียนจบมาแล้วได้ประมาณ 1 ปี ด้านสถาปนิกที่ประเทศอังกฤษ โดยระหว่างเรียนอยู่นั้น ผมก็สนใจศึกษาเรื่องการลงทุนกลุ่มหุ้น และ NFT ซึ่งเป็นคริปโทเคอร์เรนซีชนิดหนึ่งอย่างมาก และผมได้เจอเพื่อนในคลาสเดียวกัน (ซึ่งมารู้ในภายหลังว่า เขาทำงานที่ Bitkub) ประกอบกับในช่วงนั้น พีเอ็น โกลบอล กำลังกำหนดนิยามใหม่ของคำว่า ‘นางงาม’ เลยมีความคิดว่า ทำไม 2 สิ่งนี้ถึงจะอยู่ร่วมกันไม่ได้”

จุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจนี้เกิดขึ้นจากการศึกษาเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบของ NFT หรือ Non-Fungible Token คือรูปแบบการรับรองทางดิจิทัล เสมือนการรับรองลิขสิทธิ์ เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ให้ผู้ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลและมีการบันทึกอยู่ในระบบที่เรียกว่า blockchain

เช่น ผู้ที่สะสมงานศิลปะ ภาพถ่าย หรือภาพวาด ซึ่งจะมีการคัดลอกทำซ้ำมากมายขนาดไหน ก็จะมีต้นฉบับเพียงแค่ชิ้นเดียว ซึ่งสามารถตรวจสอบความเป็นเจ้าของได้

นอกจากนั้น ในโลกดิจิทัลเป็นโลกไร้พรมแดน ไม่มีอะไรมาปิดกั้น ซึ่งส่วนตัวมีความเชื่อว่า NFT ไม่ได้อยู่เพียงแค่ในประเทศเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ในระดับโลก ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการสื่อสารออกไปให้ทั่วโลกได้เห็น

แนวคิดการนำธุรกิจนางงามกับการลงทุนมีไอเดียและมุมมองเห็นช่องว่าง ซึ่งแม้แหล่งข้อมูลด้านการศึกษาการลงทุนในยุคนี้จะสามารถหาได้ง่ายมาก ๆ แต่อาจจะมีไม่กี่คนที่ค้นหาข้อมูลด้านการเงิน การลงทุน ที่อาจจะดูเข้าใจยากในทุก ๆ วัน

ดังนั้นจึงมองว่าการใช้เอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นตัวตั้ง และสอดแทรกความรู้ด้านการลงทุน และการเงินเข้าไป จะเป็นโอกาสในการขยายฐานของทั้งนักลงทุน และผู้ติดตามนางงาม จึงมีแนวคิดในการทำ MUT NFT หรือ “การ์ดนางงาม” ออกมาพร้อมการประกวดในปีนี้ ซึ่งเปิดให้ผู้ที่สนใจรับได้ฟรี

สิ่งนี้จึงเป็นโอกาสที่จะสามารถดึงคนที่อยู่ในวงการการเงิน การลงทุน ให้เข้ามาสนใจเวทีการประกวดควบคู่กับการได้ลงทุนด้วย และคนเหล่านั้นจะเป็นผู้นำเทรนด์ให้ผู้ติดตามการประกวดนางงามได้มองเห็นโอกาสการลงทุนได้อีกเช่นกัน

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะหลังจากที่เราปล่อยการ์ดนางงามไปได้ 3 คอลเล็กชั่น จากทั้งหมดที่จะมีจำนวน 7 คอลเล็กชั่น หรือจำนวนทั้งหมด 1.2 แสนใบ และได้เก็บข้อมูลพบว่า โดยปกติผู้ติดตามนางงามส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสาว ๆ และ LGBTQ ซึ่งได้สะสมการ์ดดังกล่าวในช่วงต้น

แต่หลัง ๆ มานี้มีผู้ชายกลุ่มนักลงทุนต่างเข้ามาจองคิวเป็นเจ้าของการ์ดนางงาม จนมีเสียงสะท้อนแบบติดตลกจากเหล่าบรรดาสาว ๆ และ LGBTQ ว่า พวกผู้ชายทั้งหลายเข้ามาแย่งการ์ดนางงามของพวกฉันทำไมนักหนา”

“อินดี้” เล่าให้ฟังต่อว่า การทำให้ “แม่ปุ้ย” วัย 50++ เข้าใจเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นความท้าทายแรก ก่อนที่จะเริ่มต้นทำ “การ์ดนางงาม” เสียอีก ซึ่งสิ่งที่อธิบายคุณแม่ถึงเรื่องนี้คือ

“ผมบอกแม่ว่าไม่ต้องทำเป็นไม่เข้าใจ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว อธิบายอย่างง่าย โลกมันไม่รอใครแล้ว ถ้าคิดว่าไม่เข้าใจแล้วไม่พยายามเข้าใจ เราก็จะไม่เข้าใจมันตลอดไป แต่ถ้าไม่เข้าใจและอยากจะเข้าใจ ก็จะศึกษาเรียนรู้มันจริง ๆ แล้วจะรู้ว่ามันคืออะไร”

เริ่มต้นสิ่งที่อธิบาย คือ Fungible Token คืออะไร และ Non-Fungible Token ซึ่ง แม่ปุ้ย มีคำถามในตอนแรกว่า ทำไมรู้บนอินเทอร์เน็ตถึงได้มีค่าได้ ผมจึงอธิบายไปว่า เพราะมันมีเหรียญบนโลกดิจิทัลชนิดหนึ่งที่มันสามารถกำหนดได้ว่าใครเป็นเจ้าของ

ซึ่งเมื่อมีความเป็นเจ้าของขึ้นมานั้น ก็เสมือนว่าเราได้เป็นเจ้าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งในปัจจุบัน เช่น รถยนต์, ปากกา, ดินสอ แต่เปลี่ยนจากโลก psychical สู่โลก digital

ขณะที่ในแง่ความกดดันและคาดหวังในฐานะที่เป็นลูกของ “แม่ปุ้ย” ที่เข้ารับบริหารงานในตำแหน่งดังกล่าวนี้ เพราะมีอะไรอีกมากที่ต้องเรียนรู้จากการเป็นสิ่งใหม่ ซึ่งก็ต้องสู้ให้สำเร็จ โดยถ้าหากเราไม่เริ่มในวันนี้มันอาจจะสายไป เพราะเทคโนโลยีมันใหม่มาก แต่ส่วนตัวก็น่าจะโชคดีและมีโอกาสที่ดีที่ได้ร่วมงานกับพาร์ตเนอร์และทีมงานที่ดี

Q : ในความคิดของ “อินดี้” วันนี้ “แม่ปุ้ย” เป็นนักลงทุนดิจิทัลแล้วหรือยัง

ผมต้องบอกว่าวันนี้ คุณแม่เป็นผู้ลงทุนโดยตรงดีกว่า ในฐานะ ทีพีเอ็น โกลบอล ที่ลงทุนในบริษัท คราวเอ็กซ์ จำกัด แต่คุณแม่ยังไม่ได้ลงทุนทางอ้อมที่นำเงินไปซื้อคริปโทเคอร์เรนซี หรือสินทรัพย์ดิจิทัลใด ๆ แต่มีความเชื่อเหมือนที่ผมเชื่อว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

Q : เรียนรู้อะไรจาก “แม่ปุ้ย” บ้าง

อันที่จริงแล้ว คุณแม่ก็สอนหลายอย่างในการทำธุรกิจ แต่สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จริงคือการกระทำมากกว่า เพราะคุณแม่เป็นคนที่ไม่ได้สอนจากเพียงแค่คำพูดเท่านั้น ซึ่งส่วนตัวมองว่าการลงมือทำเองเป็นสิ่งที่เรียนรู้อย่างสนุก และส่วนตัวก็สนุกกับงานและการบริหาร

เพราะก่อนหน้าที่ในสถาบันการศึกษาก็ไม่เคยเจออะไรลักษณะนี้มาก่อน ไม่ได้ต้องพูดคุยกับคนมากมาย ซึ่งก็แค่อาจจะทำงานกลุ่มหรือโปรเจ็กต์เพียงอย่างเดียว แต่การบริหารงานในบริษัทนั้นไม่เหมือนกัน ต้องมีความละเอียดอ่อนรอบคอบในทุกด้าน ทั้งการประสานงานและการเจรจา

“สิ่งที่ผมได้เรียนรู้คือ การเป็นผู้นำที่ดีที่คุณแม่ส่งต่อมาให้ เรียนรู้ข้อดี ข้อเสีย ที่จะทำให้ทุกคนในองค์กรมีความสุข และเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

Q : แนะนำนักลงทุนหน้าใหม่ในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไร

ก่อนที่จะลงทุนอะไรทั้งสิ้น ต้องลงทุนกับความรู้ของตัวเองก่อน เพราะแต่ละสินทรัพย์มีความเสี่ยงแตกต่างกัน ไม่ว่าจะหุ้น, คริปโทเคอร์เรนซี, NFT หรือการลงทุนใด ๆ ก็ตาม

Q : อนาคตของ “คราวเอ็กซ์” จะเป็นอย่างไร

ผมวาดฝันอยากเป็นสตาร์ตอัพ ยูนิคอร์น บนพื้นฐานความเป็นจริง ซึ่งเรามีโรดแมปที่ค่อย ๆ เติบโตไป เพราะเราไม่ได้เป็นยักษ์ใหญ่ที่มีเงินลงทุนหลักหมื่นล้าน ซึ่งเราใช้ทรัพยากรที่เรามีให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยเชื่อว่าหากทำในจุดเริ่มต้นที่ดี จุดต่อ ๆ ไปก็จะดีขึ้นตามลำดับ

Q : มีกระแสกล่าวถึง “อินดี้” ว่าดูเด่นในกองประกวด

อินดี้ (หัวเราะ) : ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ เพราะส่วนใหญ่ผู้ติดตามการประกวดนางงาม รวมถึงทีมงานในกองประกวด ก็จะเป็นสาว ๆ และ LGBTQ ทั้งนั้น ซึ่งก็อาจจะไม่ค่อยเห็นผู้ชายในกองประกวดก็เลยเป็นจุดสนใจที่คนกล่าวถึง ซึ่งอันที่จริงแล้วนั้น ผมก็ฟินอยู่นะ ที่เป็นผู้ชายหนึ่งเดียวในกองประกวด (ฮา)