ความกระอักกระอ่วน ของ นักกีฬาเชื้อสายจีน-อเมริกัน ในโอลิมปิกฤดูหนาว

ผู้เขียน : อาฮุย แผ่นดินใหญ่

โอลิมปิกฤดูหนาว 2022 พบว่านักกีฬาเอเชียตกอยู่ท่ามกลางสปอตไลต์กันมากหน้าหลายตา แม้แต่ทีมนักสเกตลีลาของสหรัฐอเมริกาเอง 4 ใน 6 รายของนักกีฬาที่ลงแข่งเป็นนักกีฬาลูกครึ่งเอเชีย-อเมริกัน ขณะที่ฝั่งจีนเองก็มีนักกีฬาที่ถือกำเนิดในสหรัฐ และเคยถือสัญชาติอเมริกันมาก่อนจะมาใช้สัญชาติจีนในภายหลังถูกจับจ้องเช่นกัน

รายแรกที่เป็นนักกีฬาอเมริกันเชื้อสายจีนและถูกจับตาคือ ไอลีน กู่ นักสกีสาวสวยวัย 18 ปี เธอเกิดในสหรัฐ และลงแข่งเป็นตัวแทนของสหรัฐมาตลอด กระทั่งเมื่อปี 2019 เธอประกาศว่าจะลงแข่งเป็นตัวแทนของจีนในโอลิมปิกฤดูหนาว ที่ปักกิ่งในปีนี้ ซึ่งถือเป็นโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งแรกที่เธอจะลงแข่ง

เธอประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองการแข่งฟรีสกีบิ๊กแอร์ไปได้ และรับคำชื่นชมในฐานะ “ฮีโร่” ของชาติ ได้รับชื่อเสียงและกระแสตอบรับอย่างดี ไอลีน กู่ มีภาพลักษณ์ดีมาก ทั้งในด้านชีวิตส่วนตัวและผลงาน ทั้งเรียนเก่ง สวย เป็นนางแบบ และยังประสบความสำเร็จในกิจกรรมประเภทกีฬาระดับโลกด้วย

รายงานผลวิจัยทางการตลาดจากบริษัทในเซี่ยงไฮ้เผยว่า ไอลีน กู่ มีรายได้ราว 31.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่เป็นสปอนเซอร์ให้หรือร่วมงานกับเธอ

นักกีฬาลูกครึ่งเอเชียอเมริกันที่ประสบความสำเร็จอีกรายคือ นาธาน เฉิน นักสเกตลีลาลูกครึ่ง แต่รายนี้เลือกลงแข่งให้ทีมสหรัฐ เป็นหนึ่งในนักสเกต 4 รายที่มีเชื้อสายเอเชีย จากนักสเกตลีลาของทีมสหรัฐ ทั้งหมด 6 ราย ที่แข่งโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 นาธาน เฉิน คว้าเหรียญทองมาได้สำเร็จเช่นกัน

ADVERTISMENT

กรณีที่ดูเหมือนตรงกันข้ามกับผลลัพธ์ตัวอย่างข้างต้นคือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ จูอี้ หรือเบเวอรี่ จู นักสเกตวัยเพียง 19 ปี ซึ่งกำเนิดในสหรัฐ แต่ไปเลือกแข่งเป็นตัวแทนให้จีน ชื่อของจูอี้ ตกเป็นเป้าโจมตีจากแฟนกีฬาในจีนอย่างหนักภายหลังเธอลื่นล้มขณะลงแข่งในการแข่งทั้งประเภททีมและเดี่ยว

ADVERTISMENT

จูอี้โดนโจมตีว่านำความอับอายมาให้ชาติที่เธอเข้าร่วมเป็นตัวแทน ไปจนถึงถูกตราหน้าว่าเป็นสายลับให้กับคู่แข่งอย่างสหรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝั่ง และถูกไล่กลับประเทศที่เธอถือกำเนิด ตามมาด้วยเสียงวิจารณ์และตั้งคำถามว่า เธอเป็น “จีน” ไม่เพียงพอ

จูอี้ลงแข่งให้จีนเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2018 ช่วงนั้นเธอยังไม่ได้พูดภาษาจีนท้องถิ่นขณะที่เธอให้สัมภาษณ์ โดยเธอยังใช้ภาษาอังกฤษในการให้สัมภาษณ์กับสื่อหลักของจีนอย่าง CCTV ขณะที่ไอลีน กู่ สามารถพูดจีนกลางได้คล่องแคล่ว แม้ว่าเธอจะเกิดในแคลิฟอร์เนียก็ตาม

สำหรับบางกลุ่มมองเรื่องภาษาที่ไม่คล่องแคล่วของจูอี้ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่อาจมีข้อแก้ตัวใด ๆ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าจูอี้พัฒนาทักษะด้านภาษาจีนขึ้นมาก ถึงจะมีพัฒนาการแต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าไม่ได้คล่องเท่าระดับของไอลีน กู่ เรื่องนี้ก็เป็นอีกประเด็นที่คนมักหยิบมาเปรียบเทียบเพื่อโจมตีเธอ

ขณะที่เธอถูกโจมตี ยังมีคนอีกกลุ่มที่ให้กำลังใจและหวั่นว่ากระแสเชิงลบจะกระทบเส้นทางนักกีฬาของเธอ จูอี้ยังอายุเพียง 19 ปีเท่านั้น สภาพจิตใจที่กระทบกระเทือนจะส่งผลอย่างมากต่อเธอ ในฝั่งที่ให้กำลังใจจูอี้ ก็ยังมีไอลีน กู่ รวมอยู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า ไอลีน กู่ จะเป็นขวัญใจที่ “สมบูรณ์แบบ” ไปทุกอย่าง อย่างที่ทราบกันว่า คนในโลกออนไลน์มักมีแง่มุมที่จะตั้งคำถามเสมอ แม้แต่ช่วงพิธีมอบเหรียญ ภาพในช่วงพิธีแสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้ร้องเพลงชาติจีนจนถูกตั้งคำถามด้วย

ไม่เพียงแค่จูอี้ ฝั่งนาธาน เฉิน แม้จะประสบความสำเร็จกับทีมสหรัฐ เฉินก็ถูกฝ่ายจีนวิจารณ์เรื่องท่าทีของเขาเมื่อปีก่อน ในช่วงที่เขาสนับสนุนข้อวิจารณ์ต่อจีนในเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย

เรื่องเหล่านี้เป็นตัวอย่างของความยากลำบากสำหรับนักกีฬาลูกครึ่งเชื้อสายเอเชียอเมริกันในยุคนี้ ยิ่งเมื่อเกิดสถานการณ์ตึงเครียดท่ามกลางความสัมพันธ์แบบคู่แข่งกันระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ความท้าทายส่วนหนึ่งก็ตกไปอยู่กับนักกีฬาลูกครึ่ง

หากพิจารณาจากชนิดกีฬาที่มีนักกีฬาเชื้อสายเอเชียอเมริกันนิยมเล่นกันมากอย่างสเกตลีลา เราอาจเห็นนักกีฬาสหรัฐ เป็นลูกครึ่งเอเชียกันอีกหลายรุ่น และแน่นอนว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองแบบนี้ พวกเขาอาจต้องเรียนรู้จากรุ่นพี่อีกครั้ง และไม่ใช่แค่ในเรื่องทักษะทางกีฬา

แต่คงต้องไปถึงเรื่องท่าทีและการรับมือกับความกดดัน กระแสจากทั้งสองฟาก ในขณะที่ต้องควบคุมผลงานการแข่งของตัวเองไปด้วย นี่คือสภาพความท้าทายของนักกีฬาในยุคนี้ ไม่ว่าจะออกมาแง่ไหน ต้องยอมรับว่า น่าเห็นใจพวกเขาไม่น้อยที่ต้องรับมือกับบรรยากาศอันตึงเครียดพร้อมกับฝึกฝนพัฒนาด้านกีฬาด้วย