ศึกชิง ปตท.โออาร์ 2 เก้าอี้ “ประธาน-กก.ผู้จัดการใหญ่”

OR

ศึกชิงตำแหน่ง CEO ของ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR หนึ่งในกลุ่มธุรกิจแกนหลักของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด

โดยขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 3 อาทิตย์ น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ บริษัท ปตท.น้ำมันฯ ก็จะพ้นจากการดำรงตำแหน่ง แต่ภายในองค์กรกลับปรากฏ “ความเงียบ” ที่ยังเป็นสุญญากาศที่ว่า แท้ที่จริงแล้ว “ใคร” จะขึ้นมาดำรงตำแหน่ง CEO บริษัทแห่งนี้

ด้วยงฯบลงทุนกว่า 200,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า (2563-2573) กับพันธกิจในความพยายามที่จะ “ผลักดัน” OR เข้าสู่ธุรกิจใหม่ ๆ นอกเหนือจาก “ธุรกิจน้ำมัน” ในโลกสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงจากใช้น้ำมัน ไปสู่พลังงานสะอาด รวมถึงพลังงานไฟฟ้า

โดยคาดการณ์กันว่า ภายในระยะเวลาอีก 10-15 ปีข้างหน้า รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการอะไรที่มากกว่าสถานีบริการน้ำมันนั้น หมายความว่า CEO คนต่อไปของ OR จะไม่ได้บริหารจัดการแต่เรื่องของ “ธุรกิจน้ำมัน” เป็นหลัก แต่ต้องเป็น CEO ที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่จะต้องสร้าง “รายได้” ทดแทนธุรกิจน้ำมันที่จะต้องลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ทว่าจากความเป็นองค์กรที่ “พิเศษ” ของ ปตท.ที่ดำรงอยู่ทั้ง “สถานะ” ที่เป็นบริษัทเอกชน หรือรัฐวิสาหกิจ ซึ่งถือหุ้นโดยรัฐบาลผ่านทางกระทรวงการคลัง พร้อมกับภาระหน้าที่ที่จะต้องดูแลความมั่นคงทางด้านพลังงานของประเทศพ่วงเข้ามาด้วยนั้น มีผลทำให้การหาตัวบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่ง CEO คนใหม่ดูยุ่งยากขึ้นไปอีก

อย่าว่าแต่การหาคนเข้ามารับ-ส่งไม้ต่องานที่ต้องอาศัยระยะเวลาส่วนหนึ่งเลย เพราะจนกระทั่งใกล้ที่จะถึงเวลาที่ CEO คนปัจจุบันจะพ้นจากตำแหน่งไป ก็ยังไม่ปรากฏตัวบุคคล ตลอดจนวิธีการที่จะได้มาซึ่ง CEO คนใหม่

ด้วยความยุ่งยากข้างต้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งคนที่อยู่ในองค์กร คนอยู่นอกองค์กร หรือยิ่งเงียบเท่าไหร่ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

โดยบรรดาเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น ดูเหมือนว่าจะปรากฏ “รายชื่อ” ที่เชื่อกันว่า จะเป็น “แคนดิเดต” อยู่ 2 คนคือ นายดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

และยังเป็นกรรมการบริษัทในเครือ ปตท.อีกหลายตำแหน่ง กับ นายสุชาติ ระมาศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารศักยภาพองค์กรและธรรมาภิบาลและกรรมการอีกหลายบริษัทในเครือ ปตท. และหากจะถามถึงความเกี่ยวข้องกับ OR ในอดีต ก็จะพบว่านายสุชาติเคยดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจค้าปลีกด้วย

แต่ “แคนดิเดต” ในห้วงเวลานี้ก็ยังคงเป็นแค่ “แคนดิเดต” เนื่องจากภายในองค์กรอันใหญ่โตของ ปตท. ไม่เพียงแต่การเกษียณอายุของ น.ส.จิราพร แต่ยังมีการเกษียณอายุและหมดวาระการดำรงตำแหน่งในอีกหลายบริษัทไม่ว่าจะเป็น

บริษัทไออาร์พีซี (IRPC) หรือบริษัทไทยออยล์ เพียงแต่การเปลี่ยนผ่านผู้บริหารเหล่านั้นค่อนข้างที่จะ “ราบรื่น” และไม่เป็นที่จับตามองเท่ากับ OR

ดังนั้น โอกาสของการสลับตำแหน่ง โยกย้ายไปยังที่อื่น ๆ หรือหาคนที่เหมาะสมกว่ามาแทนที่จึงมีความเป็นไปได้ หากยังตกลงกันไม่ได้ ว่าใครควรจะเป็นหนึ่งเดียว หรือต้องจัดสรรกันระหว่างตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” กับตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการใหญ่” ซึ่ง น.ส.จิราพร ปัจจุบันนั่งควบอยู่ทั้ง 2 ตำแหน่ง


นอกจากนี้ การจัดสรรข้างต้นยังส่งผลไปถึงวิธีการที่จะได้มาซึ่ง CEO คนใหม่ของ OR ด้วย โดยขณะนี้มีอยู่ 2 วิธี “อย่างเป็นพิธีการ” หนึ่งคือ การคัดเลือกโดยบอร์ด ปตท. หรือการตั้งกรรมการสรรหา คาดการณ์ว่า ในเร็ว ๆ นี้คงจะมีคำตอบจากบอร์ด ปตท.ในที่สุด