ชาวไร่อ้อย 1.22 แสนราย เตรียมรับเงินช่วยเหลือ 7 ต.ค.นี้

อ้อย

กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมเงินช่วยเหลือจ่ายชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดี 122,651 ราย ส่งโรงงาน 64.36 ล้านตัน เป็นจำนวนเงิน 7,723.73 ล้านบาท ผ่านบัญชี ธ.ก.ส. รอบแรกไม่เกิน 7 ต.ค. 2565 คาดช่วยครบทุกรายภายใน พ.ย. 2565

วันที่ 4 ตุลาคม 2565 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2565 เห็นชอบโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิตปี 2564/2565 ในอัตรา 120 บาท/ตัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ภายใต้กรอบวงเงิน 8,319.24 ล้านบาท

โดยจะเริ่มจ่ายเงินรอบแรกช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดคุณภาพดี ไม่เกินวันที่ 7 ต.ค. 2565 ผ่านบัญชี ธ.ก.ส. ของชาวไร่อ้อยแต่ละรายโดยตรง จำนวน 122,651 ราย มีปริมาณอ้อยสดส่งโรงงาน 64.36 ล้านตัน เป็นจำนวนเงิน 7,723.73 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินช่วยเหลือครบทุกรายภายในเดือน พ.ย. 2565

นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากนโยบายในการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยสดลดฝุ่น PM 2.5 ทำให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยหันมาตัดอ้อยสดก่อนส่งโรงงานเพิ่มมากขึ้น กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมที่จะผลักดันอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายให้เติบโตไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อม และได้วางแผนกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง

จัดหาเครื่องสางใบอ้อยมาให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยยืมใช้สางใบอ้อย ส่งเสริมการรับซื้อใบอ้อยเพื่อเพิ่มรายได้และลดการเผาอ้อย การลงนามในบันทึกความร่วมมือการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ในพื้นที่ปลูกอ้อย 47 จังหวัดทั่วประเทศ สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2565-2567 รวมถึงขอรับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเพื่อลดต้นทุนการตัดอ้อยสด

นายเอกภัทร วังสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือสามารถตรวจสอบสถานะการโอนเงินไปยังบัญชีของท่านผ่านไลน์ “ตรวจสิทธิอ้อย” หากไม่มีปัญหาระบบจะแจ้งว่า “บัญชีพร้อมโอน” และหากได้รับการโอนแล้ว ระบบจะแจ้งว่า “โอนเงินสำเร็จแล้ว”


กรณีระบบแจ้งว่าบัญชีของท่าน “ไม่สามารถรับโอนได้” ระบบจะแจ้งให้ทราบว่าไม่สามารถโอนได้เนื่องจากกรณีใด ให้ผู้ตรวจสิทธิรีบแจ้งดำเนินการแก้ไขผ่านโรงงานคู่สัญญาของท่าน และให้โรงงานทำหนังสือรับรองมายังสำนักบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย (สบน.) เพื่อรับรอง และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) พิจารณาตรวจสอบร่วมกับ ธ.ก.ส. เพื่อเร่งดำเนินการเบิกจ่ายต่อไป