ราคาน้ำมันดิบปรับลง หลังตลาดกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่อุปสงค์ในจีนยังคงถูกกดดันจากนโยบาย Zero-COVID
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส และเบรนต์ปรับลด หลังประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์แสดงความเห็นว่าเฟดควรเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 5-5.25% เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ที่ระดับเป้าหมาย
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
- เปิดค่าซ่อม “รถอีวี vs รถใช้น้ำมัน” แพงกว่ากันเท่าไร
- ออมสิน จัดโปรฯเด็ดเงินฝากดอกเบี้ย 21% สลาก 1 ปี แจกทอง 10 กิโล
การแสดงทรรศนะของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลาง บ่งชี้ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันและการเติบโตของเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 17 พ.ย. 2565 อยู่ที่ 81.64 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -3.95 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 89.78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -3.08 เหรียญสหรัฐ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนยังคงน่ากังวล โดยทางการรายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกว่างโจวและเมืองต่าง ๆ ส่งผลให้จีนยังคงใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและปริมาณความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบที่ซื้อขายในสกุลดอลลาร์สหรัฐมีราคาแพงขึ้น และมีความน่าสนใจน้อยลง สำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 207.9 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.2 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 107.4 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับลดลง 1 ล้านบาร์เรล