ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย.65 ฟื้นต่อเนื่อง 6 เดือนติด สูงสุดรอบ 20 เดือน

หอการค้าไทย
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ย.2565

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ย. 2565 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สูงสุดในรอบ 20 เดือน ฟื้นตัวทุกรายการ หลังเศรษฐกิจฟื้น นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา แต่ยังมีความกังวลค่าครองชีพ สงครามรัสเซีย-ยูเครน

วันที่ 8 ธันวาคม 2565 นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ 47.9 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือน

โดยนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 42.0 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 45.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 56.4

“การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ซึ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้”

โดยมีปัจจัยบวกมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ทั้งปี 2565 นี้จะขยายตัวได้ 3.2-3.3% นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะขยายตัวอยู่ที่ 6% ขณะที่การส่งออกทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 7.1-7.2%

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยบวกจากระดับราคาน้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง, ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น, เงินบาทแข็งค่า และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียน และเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้ดีขึ้น

ขณะที่คาดว่าปี 2566 การขยายตัวทางเศรษฐกิจ จะขยายตัวได้ 3-4% เป็นผลจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเชื่อมั่นว่าในปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยประมาณ 20-22 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้นจากเดิม 500,000 ล้านบาท

ส่วนปัจจัยลบสำคัญ ได้แก่ ผู้บริโภคยังกังวลว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพสูง รายได้ไม่พอกับรายจ่าย, คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี’65 เหลือโต 3.2% จากเดิมคาดโต 3.3% และปี’66 เหลือโต 3.7% จากคาดโต 3.8% การส่งออกของไทยในเดือน ต.ค.ลดลง 4.41%,

ความกังวลต่อสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อ และอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น, ปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดที่สร้างความเสียหายต่อพื้นที่เกษตร และความกังวลกับการระบาดโควิด-19 ที่ยังคงมีอยู่

ทั้งนี้ ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 6 เดือน และเดือนพฤศจิกายนนี้ ยังสูงสุดในรอบ 20 เดือน ซึ่งดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด และน่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นต่อเนื่องอีกในเดือนธันวาคม 2565 และมกราคม 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากการท่องเที่ยวมีทิศทางที่ดีขึ้น จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น ทำให้มีรายได้เข้าประเทศ

นอกจากนี้ สินค้าเกษตรหลายรายการมีราคาดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ยังคงมีอยู่ รวมทั้งราคาน้ำมันไม่กดดันมาก ทำให้ประชาชนพร้อมจับจ่ายใช้สอย พร้อมออกไปท่องเที่ยว โดยภาพรวมเศรษฐกิจปกคลุมในเชิงบวก คาดว่าต่อไปน่าจะปรับตัวได้เด่นชัดมากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยังต้องติดตาม