เปิดแผนเจาะ 3 ตลาดส่งออกดาวรุ่ง ปี’66

ผู้ส่งออกทางเรือ

“จุรินทร์” ถก กรอ.พาณิชย์ จับมือบุก 3 ตลาดใหญ่ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ CLMV ตั้งเป้าปี 2566 ขยายมูลค่าการค้า การส่งออก ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

วันที่ 9 ธันวาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธาน การประชุมกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ครั้งที่ 2/2565 ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการตั้ง วอร์รูม กรอ.พาณิชย์ ขึ้นมา

ซึ่งมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ในการร่วมมือแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า โดยมีเป้าหมายในการผลักดันและขยายตลาดส่งออก พร้อมทั้งเตรียมรับมือปัญหาที่จะเกิดขึ้น ขณะที่เป้าหมายการส่งออก 2566 ยังต้องรอหารือก่อน

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

“ปี 2566 สถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว มีการประเมินว่าเศรษฐกิจแนวโน้มขยายตัว 2.7% ความยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน มีผลกระทบต่อราคาพลังงานและความมั่นคงทางอาหารของโลก นโยบาย Zero Covid ของจีน อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตสินค้า”

ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้นอกจากตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาและผลักดันการส่งออก ซึ่งมีเป้าหมายบุกตลาดที่มีศักยภาพเพิ่มยอดการส่งออก 3 ตลาดสำคัญที่จะทำขยายการส่งออก ประกอบด้วยตลาดตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียใต้ และตลาด CLMV โดย 3 ตลาดนี้ วางเป้าหมายว่าปี 2565 เพิ่มยอดส่งออกให้ได้ประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท และในปี 2566 จะเพิ่มเป็น 2 ล้านล้านบาท เพิ่มอีก 300,000 ล้านบาท

สำหรับตลาดแรก ตะวันออกกลาง ประเทศเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าส่งออก ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย ยูเออี และกาตาร์ สินค้าเป้าหมาย เช่น อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศและวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ตั้งเป้ามูลค่าส่งออกปี 2566 ขยายตัว 20% จากเดิม 8,900 ล้านเหรียญในปี 2565 เป็น 10,300 ล้านเหรียญในปี 2566

ตลาดที่ 2 เอเชียใต้ เป้าหมายการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น 10% ให้ความสำคัญ 3 ประเทศ คือ อินเดีย บังกลาเทศ และเนปาล ตั้งเป้ามูลค่าส่งออกปี 2566 จากเดิม 12,000 ล้านเหรียญในปี 2565 เพิ่มเป็น 13,200 ล้านเหรียญ ในปี 2566 สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เป็นต้น

ตลาดที่ 3 CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ตั้งเป้าการส่งออก ขยายตัว 10-15% จากเดิม 28,000 ล้านเหรียญในปี 2565 นี้ เป็น 33,500 ล้านเหรียญในปี 2566 สินค้าเป้าหมายสำคัญ เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม พร้อมการเร่งรัดการค้าชายแดน เช่น อาหาร ผลไม้ ผัก และสินค้าอื่น เป็นต้น

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ตนนำคณะรัฐและเอกชนไปเยือนประเทศที่จะขยายตลาดการส่งออก เช่น UAE (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ที่จะเป็นประตูสำคัญส่งสินค้าไปกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อินเดีย โดยเฉพาะรัฐคุชราต เมืองอาห์เมดาบัด ที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของอินเดีย มีนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประเทศจีน มณฑลยูนนาน ซึ่งไทยต้องเร่งรัดทำ Mini FTA เป็นที่ตั้งของด่านสำคัญของจีน คือ ด่านโม่ฮาน

ขณะนี้รัฐบาลจีนเห็นชอบเปิดด่านได้แล้ว อาจมีปัญหาอุปสรรคในภาคปฏิบัติ จะเป็นโอกาสเจรจาร่วมกับมณฑลอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้าไทยไปจีนผ่านมณฑลยูนนานคล่องตัวขึ้น

นอกจากนี้ที่ประชุมเสนอให้เร่งแผนงาน FTA ซึ่งขณะรอการทำ FTA กับอังกฤษ มองว่าควรเจาะทำ Mini FTA กับเมืองหรือเขตเศรษฐกิจสำคัญของอังกฤษ เป็นการเร่งด่วนด้วย และ Mini FTA กับปากีสถาน โดยเฉพาะเมืองลาฮอร์ ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของปากีสถานและสุดท้ายกลุ่มอ่าวอาหรับหรือ JCC ถ้ารอทำ FTA อาจจะใช้เวลา ถ้าสามารถเจาะทำ Mini FTA ได้ก่อนจะช่วยตัวเลขการส่งออกได้เร็วขึ้น