บางจากทุ่มลงทุน 2 พันล้าน ปั๊ม EBITDA น็อนออยล์

บางจาก

ธุรกิจร้านกาแฟอินทนิล ขึ้นชื่อว่าเป็นเรือธงธุรกิจน็อนออยล์ ของ “บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2549 จนถึง ปี 2565 อินทนิลประสบความสำเร็จสู่ 1,000 สาขา ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และคาดว่าในปีนี้กาแฟอินทนิลจะปิดบัญชีที่ 1,005 สาขา “อินทนิล” ได้เติบโต ผลิบาน ไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศแล้ว

การเติบโตของธุรกิจ ค้าปลีก การขยายสาขาจาก 1 ถึง 1,000 ของอินทนิล เป็นความภูมิใจของชาวบางจาก และเป็นที่น่าจับตามองถึงก้าวต่อไปของการขับเคลื่อนธุรกิจน็อนออยล์ค่ายบางจาก

DNA บางจาก

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นจนถึงวันที่แข็งแรง แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้อินทนิลต้นนี้เติบโตตลอดไป คือความผูกพันต่อแบรนด์ ทั้งของลูกค้า และ Value Chain ในการร่วมกันสร้าง Circular Economy เพราะเราให้คุณค่าในความรู้สึก ว่าเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการดูแลสังคมและโลกใบนี้ ร่วมกับเรา

“อินทนิลใช้กาแฟคุณภาพจากอราบิก้า 100% สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกออร์แกนิก อราบิก้า มีกาแฟออร์แกนิกให้บริการทั้งเมนูปกติที่หน้าร้าน รวมไปถึง Home Coffee อย่างกาแฟดริป การใช้ภาชนะที่ผลิตจากพืช 100% แก้ว Bioplastic ที่ย่อยสลายแบบ Compostable และใช้ BioCup จนขึ้นชื่อว่าเป็นร้านกาแฟที่ใช้ Bioplastic มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของ ASEAN จำนวน 250 ล้านใบ/ปี แม้ว่าต้นทุนแพงกว่ากำไรน้อยกว่า เมื่อเทียบกัน และเหล่านี้ไม่ใช่การลงทุนเพื่อ CSR แต่คือ DNA ของบางจาก ที่เป็น ธุรกิจพลังงานสีเขียว”

บางจาก

สเต็ปต่อไป

ปี 2566 บางจากมุ่งพัฒนาบริการธุรกิจน็อนออยล์ ให้เป็นมากกว่าสถานีบริการน้ำมัน ตามแผนที่มุ่งให้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ตอบโจทย์คนทุกวัยภายใต้แนวคิด YOUR Greenovative Destination for Intergeneration

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ฉายภาพว่า ธุรกิจการตลาด หรือน็อนออยล์ ปัจจุบันได้สร้างกำไร EBITDA คิดเป็นสัดส่วน 17-18% หรือเกือบ 1 ใน 5 แต่ในอนาคตบางจากมุ่งจะเพิ่มสัดส่วนน็อนออยล์ให้ไปถึง 40% ในปี 2030 (2573) หรือคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่ง

ก้าวต่อไปในปี 2566 มีแผนขับเคลื่อน EBITDA น็อนออยล์ ไปถึง 25% โดยวางงบประมาณในการลงทุน 2,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ 70% จะใช้สำหรับขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันจาก 1,340 สาขา ไปเป็น 1,420 สาขา

พร้อมทั้งปรับปรุงรีโนเวตสถานีบริการน้ำมันเดิม และยังมีแผนจัดทำสถานีบริการน้ำมันดีไซน์พิเศษเฉพาะแต่ละทำเล หรือปั๊มยูนีค เพิ่มขึ้นให้มีสัดส่วน 20-30% ของสถานีบริการน้ำมันที่เปิดใหม่ ซึ่งในปีนี้บางจากจะมีปั๊มยูนีค 75 สาขา

ดึงสตรีตฟู้ดเพิ่ม

นายสมชัยเล่าว่า ในปีหน้าจะมีการต่อยอดธุรกิจน็อนออยล์ โดยดึงกลุ่มพันธมิตรสตรีตฟู้ดมาเปิดสาขาเพิ่มขึ้น 350 สาขาในปีหน้า ทั้งแบบที่ร่วมลงทุนและแบบที่ให้เช่าพื้นที่

“การดึงสตรีตฟู้ดมาเป็นพันธมิตรของธุรกิจน็อนออยล์เริ่มขึ้นมาเมื่อปลายปีก่อน เพราะเราได้วิจัยความต้องการของลูกค้า เราคิดว่าลูกค้าที่ใช้บริการในปั๊มอาจจะไม่ได้ต้องการใช้เวลานานมากในปั๊มน้ำมัน ดังนั้น อาหารที่เป็น สตรีตฟู้ด แกร็บแอนด์โก น่าจะเป็นสิ่งที่ตรงใจผู้บริโภค เราจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาร้านอาหารประเภทนี้”

นอกจากนี้ ยังมี Non oil ประเภท nonfood อีก เช่น ร้านสินค้า PET SHOP ร้านขายยา จุดดรอปรับพัสดุ ก็มีประกอบกันอยู่แล้ว

“รูปแบบการลงทุนน็อนฟู้ดขึ้นอยู่กับพาร์ตเนอร์ว่าจะลงตัวอย่างไร มีทั้งเช่าและร่วมกันลงทุน หมายถึงเราลงตัวอาคาร เค้าลงอุปกรณ์ ในลักษณะ synergy ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ร่วมลงทุน เช่น สยามสเต็ค กาโต้ หรือสตรีตฟู้ด ซึ่งวิธีการ synergy ทำให้บางจากขยายได้เร็ว ประโยชน์ที่บางจากได้รับมี 3 ต่อ คือ ต่อที่ 1 แบรนด์ที่เราเลือกเป็นการดึงดูดทราฟฟิกเข้าปั๊ม ต่อที่ 2 คือ ลูกค้าพอใจในการใช้บริการ ซึ่งเราตั้งเป้าหมายให้ปั๊มบางจากเป็น Greenovative Destination ทุกช่วงวัย และต่อสุดท้าย คือ ส่วนแบ่งรายได้จากการขาย”

อีวีรุกขยายอีวีชาร์จเพิ่ม

นายสมชัยกล่าวถึงแผนการขยายจุดให้บริการสถานีชาร์จรถอีวีว่า ในปีหน้าจะเพิ่มอีก 50-70 จุด จากปัจจุบัน 175 จุด แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ร่วมกับ ค่าย MG, EV LOMO, SHARK ส่วนในต่างจังหวัดเราร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) มี 120 สาขา

“เรื่องบริการอีวีชาร์จ ก็มองหาพันธมิตรใหม่ ๆ ด้วย รูปแบบธุรกิจอีวีช่วงแรกที่ทำเป็นการให้เช่าพื้นที่ให้พาร์ตเนอร์มาลงทุน แต่ต้องดูว่า Business Model จากนี้ไปจะเป็นอะไร ขณะนี้มีการเจรจากับหลายราย ซึ่งอนาคตหากมีพันธมิตรใหม่ หรืออย่างเทสลาถ้าเข้ามาจอยต์เราก็ยินดี”

“ส่วนแนวโน้มค่าชาร์จอีวีนั้นขึ้นอยู่กับพาร์ตเนอร์แต่ละรายจะพิจารณากำหนด และจะเพิ่มค่าชาร์จหรือไม่”

ส่งต่อประสบการณ์อินทนิล

ทั้งนี้ บางจากมอบให้ นายวิษณุ วงศ์สุมิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางจากรีเทล จำกัด และนายปริญญา กิตติการุญจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจค้าปลีก จะรับหน้าที่เข้ามาช่วยเสริมแกร่งน็อนออยล์ในปีหน้า

บางจาก

โดยมีแผนการขยายสาขาอินทนิล ธุรกิจเรือธงนั้น คาดว่าจะมีเพิ่มอีก 200-250 สาขา จากปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนสาขา 1,005 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขานอกสถานีบริการน้ำมันมากกว่า 40% หรือประมาณ 400 สาขา ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% ในเร็ว ๆ นี้ และในจำนวน 1,000 สาขานี้เป็นสาขาที่บริหารโดยบริษัท (COCO) เพียง 25% ส่วนที่เหลืออีก 75% เป็นสาขาที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการ (CODO และ DODO) ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเอสเอ็มอีและการทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ด้วย

“เราไม่ได้เน้นเพิ่มจำนวนสาขา แต่เราเน้นว่าสาขาที่จะเปิดผู้ลงทุน คือ แฟรนไชซีจะต้องประสบความสำเร็จ ซึ่งการขยายสาขาในปีหน้าจะอยู่ 200-250 สาขา ขึ้นกับศักยภาพของทำเลและแฟรนไชซี รวมถึงความมุ่งมั่นในการเป็น ร้านกาแฟสีเขียว”

เป้าหมาย

ท้ายที่สุด นายสมชัยยังมองแนวโน้มในปีหน้าเป้าหมายยอดขายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 8-10% จากการคาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้น 4% ในไตรมาสหนึ่งของปีหน้า ส่วนหนึ่งมาจากผลดีของโครงการช้อปดีมีคืน ปี 2566

ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมันโลก บริษัทก็ยังคาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะอยู่ที่ 75-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล