ONETOUCH แบรนด์ไทย ลุยผลิต “ถุงยางใส่กัญชา”

อมร ดารารัตนโรจน์
อมร ดารารัตนโรจน์
คอลัมน์ : สัมภาษณ์พิเศษ

ประเทศไทยหากพูดถึงเรื่องเพศ หรือการป้องกัน โดยเฉพาะการใช้ถุงยางอนามัย ยังเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่การเติบโตของตลาดนั้น ยังคงเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะตลาดในประเทศ เนื่องจากจะทำการประชาสัมพันธ์ สรรพคุณต่าง ๆ ทำได้ลำบาก และเข้าถึงผู้บริโภคได้ยาก

อีกทั้ง หากมาดูชนิด ยี่ห้อ ถุงยางอนามัยในตลาดแล้ว นับว่ามีไม่ได้มากหรือมีความหลากหลาย และแบรนด์ที่รู้จักกันมาก Durex แบรนด์จากอังกฤษ Okamoto แบรนด์จากญี่ปุ่น และ ONETOUCH ที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ว่า นี่คือแบรนด์ของคนไทยแท้ ๆ ผลิตโดยบริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TNR “ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “นายอมร ดารารัตนโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TNR ถึงโอกาสการทำตลาดกลุ่มถุงยางอนามัยปี 2566 นี้

ฉายภาพธุรกิจ TNR

บริษัท TNR ถือว่าเป็นบริษัทผู้ผลิตถุงยางอนามัย ของคนไทยแท้ ๆ ซึ่งดำเนินกิจการมานานกว่า 30 ปี โดยการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น เริ่มจากการรับจ้างผลิตถุงยางอนามัยให้กับลูกค้าทั้งในรูปแบบบริษัทและองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงเจลหล่อลื่นด้วย จากนั้นบริษัทเองก็เริ่มที่จะเข้ามาผลิตสินค้าเป็นแบรนด์ของตัวเองในปี 2542 ภายใต้ชื่อแบรนด์ ONETOUCH นอกจากนี้ ในปี 2561 บริษัทยังได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายแบรนด์ PlayBoy ใน 188 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย

“การทำตลาดถุงยางอนามัยของเรากว่า 90% บริษัททำตลาดส่งออก ส่งไปทั่วโลก ทั้งสหรัฐ แอฟริกา ยุโรป เยอรมนี ในปี’66 บริษัทจะเน้นตลาดจีนมากขึ้น เนื่องจากเห็นโอกาสในการเติบโตของรายได้และผู้ซื้อ และอีก 10% ทำตลาดในประเทศ ในอนาคตบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดในประเทศมากขึ้น ภายใต้แบรนด์ของบริษัทเอง”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริษัทลูกอีก 2 บริษัท คือ บริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ เพื่อเป็นฐานในการผลิตกล่องสำหรับสินค้าถุงยางอนามัย และ บริษัทสกัดกัญชาซึ่งเป็นบริษัทที่จะเข้ามาสนับสนุนเพิ่มคุณภาพให้กับสินค้าของบริษัท TNR โดยการทำตลาดส่วนใหญ่ของบริษัทยังรับจ้างผลิตสินค้าให้กับลูกค้าเป็นส่วนใหญ่ แ

ละสินค้าที่ผลิตนั้นจะส่งออกไปยังต่างประเทศ แต่ในอนาคต TNR หรือสินค้าภายใต้แบรนด์ ONETOUCH บริษัทมีเป้าหมายที่จะทำตลาดในประเทศมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือว่าเป็นเจ้าใหญ่อันดับ 2 ในเรื่องของถุงยางอนามัย

รุกตลาดกัญชง-กัญชา

ปัจจุบันบริษัทได้เดินหน้าขยายธุรกิจสกัด “กัญชา กัญชง กระท่อม” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ผ่านบริษัท ทีเอ็นอาร์ ไบโอไซเอินซ์ จำกัด (TNRBio) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ TNR ถือหุ้น 100% ทั้งนี้ เพื่อดำเนินธุรกิจสารสกัด และจำหน่ายสารสำคัญในพืชสมุนไพร โดยมีเป้าหมายที่จะต่อยอดให้สารสกัดดังกล่าว เป็นส่วนผสมที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ซึ่งปัจจุบันนี้ บริษัท TNRBio ได้ลงทุนเครื่องจักร และโรงงาน ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง

พร้อมทั้ง บริษัทได้ศึกษาคุณสมบัติสารสกัดกัญชา กัญชง กระท่อม โดยได้ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาสนับสนุนการทดสอบ วิจัย และพัฒนาสายพันธุ์ที่สามารถสกัดสาร CBD (Cannabidiol) และ Mitragynine รวมถึงจัดตั้งจุดรับซื้อช่อดอกกัญชงและศูนย์ตรวจวัดค่าต่าง ๆ ตามมาตรฐาน

ขณะเดียวกัน ยังได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ (แล็บทดสอบ) เพื่อตรวจวัดระดับสารสำคัญด้วย และภายในปี 2566 เราจะรุกเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพที่มีส่วนผสมสารสกัดภายใต้แบรนด์ของบริษัทด้วย แต่ในส่วนของกระท่อมนั้น จะเป็นเฟสที่ 2 ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเรื่องของกฎหมายดังกล่าวนั้น ยังรอความชัดเจนอยู่

“สิ่งที่จะเห็นทันทีในตอนนี้ คือ เราได้รับสารสกัดกัญชาเข้าไปมีส่วนผสมในสินค้าถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่นแล้ว ซึ่งสารสกัดดังกล่าวมีคุณสมบัติสำคัญลดการอักเสบ ลดอาการเครียด เป็นต้น ซึ่งมีงานวิจัยออกมาแล้วว่าช่วยได้ โดยสินค้าที่ผลิตออกมานั้น เราได้ทำการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ ยุโรป เป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการยอมรับในส่วนผสมของกัญชา โดยจะยังไม่มีการจำหน่ายในประเทศไทย มั่นใจว่าตลาดนี้จะโตอย่างก้าวกระโดดไม่น้อยกว่า 10%”

เป้ารายได้ TNRBio

ทีเอ็นอาร์ ไบโอไซเอินซ์ หรือ TNRBio รายได้หลักจะมาจากการจำหน่ายสารสกัด CBD จากพืชกัญชง ให้กับผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคที่จะนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ เน้นสารสกัดแบบผง (CBD Isolate) และแบบสารละลายน้ำ (Water Soluble CBD) และอีกรายได้มาจากการนำสารสกัด CBD จากพืชกัญชง มาพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของบริษัท เช่น เครื่องดื่ม และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น

ช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 ได้เห็นความชัดเจนของผลิตภัณฑ์บ้างแล้ว โดยเฉพาะการนำสารสกัดจากกัญชง กัญชา เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่น โดยเฉพาะเพื่อการส่งออกไปต่างประเทศ ตลาดให้การตอบเป็นอย่างดี

โอกาสเติบโต

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีขึ้น และสินค้ายังเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ ดังนั้น ผู้บริโภคยังมีความต้องการสินค้า ประกอบกับบริษัทเองก็มีสินค้าที่มีความหลากหลาย และจากความพร้อมของบริษัททั้งด้านการผลิตและบริการ จึงเชื่อมั่นว่าโอกาสเติบโตของรายได้และสัดส่วนของตลาดยังคงมี

นอกจากนี้ บริษัทเองก็มีใบอนุญาตสำคัญที่ได้มีการขอรับรอง โดยเฉพาะตัวสินค้าถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่น อีกทั้งยังมีส่วนผสมจากสารสกัดกัญชา กัญชง และโรงงาน การผลิตก็ได้มาตรฐานและการรับรองระดับสากล อีกทั้งวัตถุดิบที่บริษัทนำมาผลิตก็เป็นน้ำยางพาราที่มีคุณภาพดี โดยส่วนใหญ่เรานำวัตถุดิบภายในประเทศ 100% มาจากระยอง สุราษฎร์ธานี และเราก็กำลังจะผลิตน้ำยางชนิดพิเศษขึ้นมา ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติอยู่ ดังนั้น จึงเชื่อว่าเรายังเติบโตในปี 2566 อย่างแน่นอน

“เรามองว่าปี 2567 ธุรกิจกัญชง กระท่อม และกัญชา จะสร้างรายได้ให้กับบริษัท ประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งประเมินรายได้จากการจำหน่ายสารสกัดแบบผงและแบบสารสกัดละลายน้ำที่เป็นสินค้าหลัก ซึ่งยังไม่รวมรายได้จากการจำหน่ายภายใต้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท”

ปิดรายได้ปี 2565

บริษัทมีรายได้ 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน 2565) จากการขายและบริการรวม 1,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เชื่อว่าทั้งปีจะมีการเติบโตของรายได้ประมาณ 1,800 ล้านบาท และในปี 2566 ก็จะโตอย่างก้าวกระโดด มากกว่าปีที่ผ่านมา

สำหรับรายได้ที่เติบโตนั้นมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์ถุงยางอนามัย ซึ่งต่อปีบริษัทมีกำลังการผลิตได้ประมาณ 2,000 ล้านชิ้น ซึ่งเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ เช่น ธุรกิจงานประมูล (tender) ธุรกิจภายใต้แบรนด์สินค้าของบริษัท (OBM) และธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) ส่วนผลิตภัณฑ์เจลหล่อลื่นมียอดขายเพิ่มขึ้นเช่นกัน สะท้อนการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ทุกคนเริ่มใช้ชีวิตปกติ

เพื่อเพิ่มเป้าหมายของการเติบโตทางรายได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี บริษัทยังได้เปิดตัวถุงยางอนามัย 2 แบรนด์ใหม่ ได้แก่ แบรนด์ Custom เพื่อจำหน่ายและทำตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาผ่านบริษัท TNR USA INC ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และแบรนด์ Gasym เพื่อจำหน่ายและทำตลาดทวีปยุโรปผ่านตัวแทนจำหน่าย

ส่วนแบรนด์ ONETOUCH ที่มีอยู่แล้วจะจัดจำหน่ายและทำตลาดในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งซื้อจากกลุ่มธุรกิจงานประมูลและกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตที่รอส่งมอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่าโตได้ตามเป้าหมายแน่นอน