ราคาน้ำมันร่วง กดเงินเฟ้อ ม.ค. 66  ชะลอลง 5.02 % ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน

ราคาน้ำมัน
ภาพจาก PIXABAY

สนค. เปิดตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในเดือนมกราคม 2566 ชะลอตัวลงจาก 5.89% เหลือ 5.02% ชะลอตัวลงอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับแต่เดือนมีนาคม 2565 คาดแนวโน้มจะลงต่อเนื่องจากหลายปัจจัยราคาอาหาร พลังงานลดลง

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อานวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (เงินเฟ้อ) เดือนมกราคม 2566 เท่ากับ 108.18 สูงขึ้น 5.02%

นายวิชานัน นิวาตจินดา
นายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อานวยการสานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า

แต่เป็นอัตราที่ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และชะลอตัวลงจากเดือนธันวาคม 2565 ที่สูงขึ้น 5.89% ส่งผลให้เงินเฟ้อต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 ตามการชะลอตัวของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานและอาหาร ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว เทศกาลปีใหม่ และตรุษจีน ส่งผลให้การใช้จ่ายคึกคักกว่าปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อของไทยกับต่างประเทศ (ข้อมูลล่าสุดเดือนธันวาคม 2565) พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับ ที่ดีกว่าหลายเขตเศรษฐกิจ อาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร อิตาลี และเม็กซิโก รวมถึงประเทศในอาเซียน ลาว ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยเงินเฟ้อไทย อันดับที่ 32 จาก 129 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข

ส่วนอัตราเงินเฟ้อไทย เฉลี่ยทั้งปี 2565 สูงขึ้น 6.08% อยู่อันดับที่ 33 จาก 129 เขตเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 คาดว่าจะขยายตัวในอัตราที่ลดลง และคาดว่าจะลงต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อขยายตัวยังคงเป็นราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม ที่ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเงินเฟ้อ และราคาสินค้าในกลุ่มอาหารที่ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ทั้งค่าวัตถุดิบ ค่าขนส่ง และค่าจ้างแรงงาน ประกอบกับภาคการท่องเที่ยว และนโยบายกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งจะทำให้ความต้องการ บริโภคโดยรวมและราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชะลอตัว และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าของไทยลดลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่กดดันให้อัตราเงินเฟ้อของไทยไม่สูงมากนัก

เงินเฟ้อไทย

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ระหว่าง 2.0-3.0% ค่ากลางอยู่ที่ 2.5% ภายใต้สมมุติฐาน เศรษฐกิจให้ขยายตัวอยู่ที่ 3-4% ราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 85-95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 36-37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์เป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง

นายวิชานันกล่าวอีกว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมกราคม 2566 นี้ สูงขึ้น 5.02% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวของสินค้าในหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 3.18% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นทุกประเภท ค่าไฟฟ้า และก๊าซหุงต้ม รวมทั้งค่าโดยสารสาธารณะ (รถเมล์เล็ก/รถสองแถว รถแท็กซี่ เครื่องบิน)

นอกจากนี้ วัสดุก่อสร้าง ค่าแรงช่าง ค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล (สบู่ถูตัว ยาสีฟัน ค่าแต่งผมชาย) สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก) ราคาสูงขึ้น สาหรับสินค้าที่ปรับลดลง อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า (เครื่องรับโทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า) เสื้อและกางเกง ผลิตภัณฑ์ป้องกันและบารุงผิว แป้งผัดหน้า ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และค่าสมาชิกเคเบิลทีวี

และหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 7.70% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป (กับข้าวสำเร็จรูป ก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง/ข้าวกล่อง อาหารเช้า) ผักและผลไม้สด (ต้นหอม มะเขือ ผักบุ้ง แตงโม ส้มเขียวหวาน มะม่วง) ข้าวสาร และไข่ไก่ สาเหตุสำคัญยังคงเป็นต้นทุนที่อยู่ระดับสูง และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาว ตามสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยที่ปรับตัวดีขึ้น

สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร จากปริมาณที่มีเพียงพอต่อความต้องการ ผักสดและผลไม้บางชนิด (ขิง ถั่วฝักยาว พริกสด แครอต ทุเรียน)

เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 3.04% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอตัวเล็กน้อย จากเดือนก่อนหน้าที่สูงขึ้น 3.23% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามต้นทุนการผลิตที่ยังอยู่ในระดับสูง

ดัชนีเศรษฐกิจการค้า

ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมกราคม 2566 นี้ สูงขึ้น 0.30% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (MOM) ตามการสูงขึ้นของสินค้าในหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม 0.41% สาเหตุสำคัญมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าโดยสารสาธารณะปรับสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด (น้ำยาล้างห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก) เสื้อผ้าบุรุษและสตรี ตู้เย็น และหม้อหุงข้าวไฟฟ้า

และหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.13% อาทิ ผลไม้สด (ส้มเขียวหวาน องุ่น มะม่วง) จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล และไข่ไก่ เนื่องจากปริมาณมีไม่มากนัก สำหรับสินค้าที่ราคาลดลง อาทิ ผักสด (ผักบุ้ง ผักชี ต้นหอม)

ดัชนีราคาผู้บริโภค

เนื่องจากสภาพอากาศเอื้ออำนวยทำให้ผลผลิตกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ ข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียว เนื่องจากการจัดโปรโมชั่น น้ำมันพืชปรับลดลงตามราคาปาล์มดิบ และซอสหอยนางรมปรับลดลงตามโปรโมชั่น