บี.กริม ลุย COD โรงไฟฟ้า BGPM2R มาบตาพุด140 MW ลุยขาย กฟผ. 25 ปี

โรงไฟฟ้า
โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) จำกัด หรือ BGPM2R

บี.กริม เดินเครื่อง COD โรงไฟฟ้า BGPM2R มาบตาพุด 140 เมกะวัตต์ ลุยขาย กฟผ. ยาว 25 ปี เพิ่มกำลังผลิตรวมสู่ 3,478 เมกะวัตต์

วันที่ 8 มีนาคม 2566 ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) จำกัด หรือ BGPM2R บริษัทย่อยของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM (บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 70%) ประกาศเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าใหม่เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม

โดยมีกำลังการผลิตติดตั้ง 140 เมกะวัตต์ ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) จำกัด หรือ BGPM2R
โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (เอไออี-เอ็มทีพี) จำกัด หรือ BGPM2R

ผูกสัญญาซื้อ-ขาย กฟผ. 25 ปี

สำหรับ โครงการ BGPM2R ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเอเซียมาบตาพุด จังหวัดระยอง มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 30 เมกะวัตต์กับ กฟผ. เป็นระยะเวลา 25 ปี และส่วนที่เหลือเป็นการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและไอน้ำระยะยาวกับลูกค้าอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ โครงการ BGPM2R เป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม (SPP Replacement) ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูง และลดปริมาณการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยลงโดยเป็นโครงการที่ 5 ที่เปิดดำเนินการ ซึ่งทำให้ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,478 เมกะวัตต์ จากโครงการที่มีสัญญาซื้อขายแล้วทั้งหมด 4,055 เมกะวัตต์ ซึ่งรวมโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา

ตั้งเป้า 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า ขณะนี้ บี.กริม เพาเวอร์ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสานอู่ตะเภา (U-Tapao) เฟสแรก โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานขนาด 50 เมกะวัตต์-ชั่วโมง และโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมอีก 2 โครงการ (BGPAT2&3) คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวม 280 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดการ COD ภายในปี 2566 นอกจากนี้ เรายังมีเป้าหมายเพิ่มกำลังผลิตเป็น 4,700 เมกะวัตต์ ในปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เมกะวัตต์ ในปี 2573 โดยมีสัดส่วนพลังงานทดแทนมากกว่า 50%