หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ระดับ 52.6 สูงสุดรอบ 3 ปี ลุ้นมาตรการรัฐ-ท่องเที่ยว-เลือกตั้งหนุน
วันที่ 9 มีนาคม 2566 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกุมภาพันธ์ 2566 อยู่ที่ระดับ 52.6 เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2566 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 51.7 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 46.8 เพิ่มขึ้นจากระดับ 46.0 ในเดือนมกราคม 2566 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 49.9 เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.0 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 61.2 เพิ่มขึ้นจากระดับ 60.2 อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่น โดยรวมดีขึ้นทุกตัว และสูงสุดในรอบ 36 เดือน นับตั้งแต่มีนาคม 2563 อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 ทุกรายการ
สำหรับปัจจัยบวกสำคัญ เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2566 ที่ภาครัฐมีให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น ช้อปดีมีคืน, มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น, ราคาพืชผลเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น และทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดปรับดีขึ้น, ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศเริ่มปรับตัวลดลง, เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย
ส่วนปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ตลอดจนปัญหาค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้น, สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผย GDP ปี’65 ขยายตัวได้เพียง 2.6% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวได้ 3.2%, การส่งออกของไทยในเดือน ม.ค. 66 ลดลง 4.5% และความกังวลต่อสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ที่อาจส่งผลต่อราคาน้ำมันและพลังงานโลกยังทรงตัวสูง ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า
นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า โดยภาพรวมเศรษฐกิจไทยเติบโตยังไม่ได้โดดเด่น สาเหตุมาจากการส่งออกหดตัวตั้งแต่ปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2566 ขยายตัว 1.4% และทั้งปีขยายตัว 2.6% อัตราดอกเบี้ยสูง และค่าเงินบาทที่ผันผวน ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่สูง และค่าครองชีพสูง
ทั้งนี้ หากมีการยุบสภาและมีการเลือกตั้งในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2566 ต้องติดตามว่าจะมีเม็ดเงินเท่าไร ความเชื่อมั่นจะปรับตัวดีขึ้นหรือไม่ นอกจากนี้ ต้องจับตาดูว่าบรรยากาศของการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันต้องติดตามราคาพืชผลทางการเกษตร มาตรการของรัฐ ทั้งบัตรสวัสดิการของรัฐ และเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งจะเห็นผลในช่วงไตรมาส 2/66
อย่างไรก็ดี หอการค้าไทย มองเศรษฐกิจไทยโต 3-4% หรืออยู่ในกรอบ 3.5% แต่ก็ต้องติดตามความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกขึ้นดอกเบี้ย ส่วนเศรษฐกิจไทยก็ต้องติดตามเรื่องของการท่องเที่ยวและรัฐบาลชุดใหม่ด้วย