เหมืองทองอัครา พิจิตร-เพชรบูรณ์ เปิดแล้ว! หลังต่อสู้ยาวนานกว่า 6 ปี

เหมืองทองอัครา
พนักงานเหมืองทองอัครา ร่วมกดปุ่มเปิดเครื่องจักรเปิดเหมือง เมื่อ 20 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา

อัครา รีซอร์สเซส เจ้าของเหมืองทองรายเดียวในไทย ได้ฤกษ์กดปุ่มเดินเครื่องถลุงแร่แล้ว 20 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา หลังต่อสู้ยาวนานกว่า 6 ปี ลุยสร้างงาน สร้างอาชีพ ระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่นกลับมาคึกคัก พร้อมส่งเงินเข้า 4 กองทุนตามเงื่อนไขของกฎหมาย

นายเชิดศักดิ์ อรรถอารุณ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายความยั่งยืนขององค์กร บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 บริษัทได้รับหนังสือจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิจิตร แจ้งให้ทราบว่า ได้ออกใบอนุญาตการเปิดการทำเหมืองและการประกอบโลหกรรมให้แก่บริษัทแล้ว

และต่อมาวันที่ 16 มี.ค. 2566 บริษัทก็ได้รับหนังสืออนุญาตเปิดการทำเหมืองสำหรับประทานบัตรฝั่งเพชรบูรณ์ จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์เช่นเดียวกัน

ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถเปิดดำเนินกิจการได้เต็มรูปแบบ โดยคงมาตรฐานการประกอบการในระดับสากล ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และยึดหลักธรรมาภิบาลที่ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม

ทั้งนี้ บริษัทมุ่งหวังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างงาน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อประโยชน์ของชุมชนโดยรอบและประเทศ

โดยเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2566 นายวรงค์ สราญฤทธิชัย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารองค์กร ร่วมกับนายเชาว์ลิต ทองคำ หัวหน้างานอาวุโสฝ่ายผลิต อาศัยอยู่ที่หมู่ 3 บ้านเขาดิน ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ซึ่งทำงานกับบริษัทมากว่า 22 ปี เป็นตัวแทนพนักงานกดปุ่มเดินเครื่องจักร และได้กล่าวกับเพื่อนพนักงานว่า

“กว่า 6 ปีที่เราสู้ด้วยกันมาตลอด เพื่อพาพี่น้องของเรากลับบ้าน วันนี้พวกเราทำสำเร็จแล้ว ชุมชนของพวกเราจะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป”

เหมืองทองอัครา

โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความปลื้มปีติของพนักงานที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการกดปุ่มเดินเครื่องจักรอีกครั้ง และทันทีที่เรากดปุ่มเดินเครื่องจักร เท่ากับเป็นการกดปุ่มเดินหน้านำเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในทันที โดยบริษัทต้องสมทบเงินเข้ากองทุนจำนวน 4 กอง คิดเป็น 21% ของค่าภาคหลวงแร่ที่บริษัทชำระให้กับรัฐบาล หรือรวมแล้วต้องไม่น้อยกว่า 65 ล้านบาทต่อปี ตามกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคํา ซึ่งส่งผลให้มีเม็ดเงินจากกองทุนไปใช้ในการขับเคลื่อนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ในพื้นที่

โดยบริษัทจะเดินหน้าตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ซึ่งในระยะแรกนั้นจะใช้โรงประกอบโลหกรรมที่ 2 เพียงโรงเดียว จากนั้นจึงจะเริ่มซ่อมโรงประกอบโลหกรรมที่ 1 และเมื่อโรงประกอบโลหกรรมทั้ง 2 แห่งสามารถกลับมาใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว จะเปิดรับพนักงานเพิ่ม เพื่อรองรับปริมาณงานที่มากขึ้นต่อไป ซึ่งโดยรวมแล้วจะก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งโดยตรงและผ่านผู้รับเหมาร่วม 1,000 อัตรา ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง ที่บริษัทมีส่วนช่วยให้พี่น้องในชุมชนได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ส่งผลให้สถาบันครอบครัวแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เหมืองทองอัครา

ทั้งนี้ การพิจารณาอนุมัติออกใบอนุญาตการเปิดดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและนโยบายของรัฐ เห็นได้จากการใช้เวลาในกระบวนการอนุญาตที่นานมาก ซึ่งก็เข้าใจได้ว่า หน่วยงานรัฐที่เป็นผู้กำกับดูแลต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน

“อัคราปฏิบัติตามกฎหมายและขั้นตอนที่กำหนดครบถ้วน ไม่เคยมีทางลัดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแต่อย่างใด”

อย่างไรก็ตาม บริษัทขอขอบคุณกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องในงานอนุญาตสำหรับความเชื่อมั่นที่มอบให้ และขอขอบคุณผู้นำชุมชนและประชาชนรอบเหมืองสำหรับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นในการกลับมาของบริษัท

เหมืองทองอัครา

“สิ่งสำคัญที่แยกจากกันไม่ได้เพื่อให้เหมืองแร่สามารถอยู่คู่ชุมชนได้อย่างยั่งยืน คือการพาทุกคนก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และนี่คือหนึ่งในพันธกิจหลักของเรา”