ญี่ปุ่นครองอันดับหนึ่งลงทุนในไทย 63 ราย เงินลงทุนกว่า 15,873 ล้านบาท

ลงทุน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย 5 เดือน ปี 2566 ต่างชาติลงทุนในไทย 45,392 ล้านบาท ญี่ปุ่นลงทุนอันดับหนึ่ง 15,873 ล้านบาท ตามด้วยจีน 11,479 ล้านบาท และสิงคโปร์ 6,356 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 2,999 คน

วันที่ 20 มิถุนายน 2566 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่าเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 คณะกรรมการได้มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 274 ราย

เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว จำนวน 87 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 187 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 45,392 ล้านบาท จ้างงานคนไทยรวม 2,999 คน

ทศพล ทังสุบุตร
ทศพล ทังสุบุตร

ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่

  • ญี่ปุ่น 63 ราย (ร้อยละ 23) เงินลงทุน 15,873 ล้านบาท
  • สหรัฐอเมริกา 48 ราย (ร้อยละ 18) เงินลงทุน 2,456 ล้านบาท
  • สิงคโปร์ 46 ราย (ร้อยละ 17) เงินลงทุน 6,356 ล้านบาท
  • จีน 19 ราย (ร้อยละ 7) เงินลงทุน 11,479 ล้านบาท และ
  • ฮ่องกง 12 ราย (ร้อยละ 4) เงินลงทุน 2,991 ล้านบาท

รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในโครงการรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม องค์ความรู้เกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาในการใช้งานยางล้ออากาศยาน และองค์ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการแก้ไขปัญหาเครื่องอัดอากาศ เป็นต้น

เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาเดียวกันปี 2565 พบว่าการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 37 ราย คิดเป็นร้อยละ 16 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 66 อนุญาต 274 ราย / เดือน ม.ค.-พ.ค. 65 อนุญาต 237 ราย) มูลค่าการลงทุนลดลง 9,684 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 66 ลงทุน 45,392 ล้านบาท/เดือน ม.ค.-พ.ค. 65 ลงทุน 55,076 ล้านบาท) และจ้างงานคนไทยลดลง 23 ราย คิดเป็นร้อยละ 1 (เดือน ม.ค.-พ.ค. 66 จ้างงาน 2,999 คน/เดือน ม.ค.-พ.ค. 65 จ้างงาน 3,022 คน) โดยจำนวนนักลงทุนที่เข้ามาสูงสุดยังคงเป็นนักลงทุนญี่ปุ่น เช่นเดียวกับปี 2565

ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ นโยบายการส่งเสริมการลงทุนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิ

  • บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
  • บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหา ติดตั้ง ปรับปรุง พัฒนา ทดลองระบบ เชื่อมระบบ และการเปิดใช้งาน ตลอดจนการบริหารจัดการ สำหรับโครงการรถไฟฟ้า
  • บริการก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบเกี่ยวกับการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับโครงการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก
  • บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำเชิงเทคนิค การแก้ไขปัญหาด้านเทคนิค รวบรวมข้อมูลด้านเทคนิค เป็นต้น
  • บริการกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) โดยเป็นการให้บริการแพลตฟอร์มกลางสำหรับซื้อ-ขายสินค้า
  • บริการเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งให้บริการแก่กิจการของวิสาหกิจในเครือในต่างประเทศ

 

EEC ต่างชาติเข้าลงทุน 48 ราย

การลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 48 ราย คิดเป็นร้อยละ 18 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด โดยมีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 9,442 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 19 ราย ลงทุน 3,264 ล้านบาท จีน 9 ราย ลงทุน 752 ล้านบาท ฮ่องกง 3 ราย ลงทุน 2,920 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 17 ราย ลงทุน 2,506 ล้านบาท

โดยธุรกิจที่ลงทุน อาทิ

1) บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
2) บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือ และอุปกรณ์
3) บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร และชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม
4) บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ
5) การค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ

ทั้งนี้ เฉพาะเดือนพฤษภาคม 2566 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในประเทศไทยจำนวน 57 ราย เป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 18 ราย และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 39 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,690 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 580 คน ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์

รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับการควบคุมแรงดันหลุมขุดเจาะปิโตรเลียม องค์ความรู้เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม องค์ความรู้ในการใช้เครื่องจักรประกอบล้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ และองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้สารประกอบไฟโตเจนนิกเพื่อทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น

ธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่

  • บริการขุดเจาะหลุมปิโตรเลียมภายในบริเวณพื้นที่แปลงสำรวจที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย
  • บริการทางวิศวกรรมและเทคนิคในการตรวจสอบและสำรวจความเหมาะสมของพื้นที่เพื่อประเมินศักยภาพในการตั้งโรงไฟฟ้าสำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม
  • บริการกิจการซอฟต์แวร์ ประเภท Enterprise Software และ Digital Content
  • บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลการใช้ก๊าซเรือนกระจกในกิจกรรมต่าง ๆ ของธุรกิจ เป็นต้น