สภาอุตสาหกรรมมั่นใจทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย หวังเงินดิจิทัลกู้เศรษฐกิจ

เกรียงไกร เธียรนุกุล
เกรียงไกร เธียรนุกุล

ส.อ.ท. ยิ้มรับทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย หวังเงินดิจิทัล 10,000 บาท ช่วยกู้เศรษฐกิจไทย

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าจุดแข็งของเพื่อไทยมาตลอดนั่นคือทีมเศรษฐกิจที่จะมาขับเคลื่อนโยบายก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอันเป็นจุดขายของเพื่อไทยมาตลอดระยะเวลา 20 ปี เพราะอย่างนั้นเรื่องเศรษฐกิจก็ถือว่าใช้ได้

แต่ว่าก็ต้องดูกันอีกทีว่าโครงสร้างกระทรวงเศรษฐกิจจะกระจายไปอยู่ที่พรรคร่วมหรืออยู่ในมือของเพื่อไทย เพราะในยุคที่เพื่อไทยได้ 377 ที่นั่งในรัฐสภา กระทรวงหลักทั้งหมดอยู่ในมือเพื่อไทยทำให้ทุกอย่างขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกัน แต่ถ้าแบ่งเป็นตามรัฐบาลก็ต้องดูเป็นใคร แต่อันนี้ยังตอบไม่ได้ อยากดูตรงนี้และเห็นภาพที่ชัด อย่างน้อยความคืบหน้าในวันที่ 4 สิงหาคมที่จะถึงนี้ก็จะปลดล็อกได้หลายอย่าง

เร่งลดต้นทุน-แก้หนี้

ส่วนนโยบายใดควรเริ่มเป็นอย่างแรกนั้น นายเกรียงไกรเชื่อว่าทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยนั้นทราบดี โดยตอนนี้ภาคเอกชนอย่าง กกร. ก็ได้ยื่นสมุดปกขาวให้เป็นที่เรียบร้อย โดยสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญลำดับแรกคือเรื่องของโครงสร้างต้นทุนที่จะทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันลำบาก

โดยต้นทุนในที่นี้รวมไปถึงค่าไฟ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกพรรคต่างก็รับรู้ เพราะจากนโยบายหาเสียงหลายพรรค รวมถึงเพื่อไทยเองก็ได้พูดถึงการแก้โครงสร้างและลดราคาค่าไฟลง ซึ่งนายเกรียงไกรมองว่า ค่าไฟเป็นดอกสุดท้ายที่จะทำให้ค่าครองชีพพุ่งกระจายขึ้น

นอกจากนี้ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน โดยรวมหนี้ในระบบ อาทิ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถและหนี้สหกรณ์อื่น ๆ ทำให้สถานการณ์หนี้ครัวเรือนในปัจจุบันอยู่ที่ 90.6% แต่ความจริงแล้ววันนี้เรายังไม่ได้รวมหนี้ที่อยู่นอกระบบจริง ๆ เข้ามา ซึ่งเกือบ 20% ของระบบ ทำให้ถึงเวลาแล้วที่ต้องเดินหน้าแก้ไขสิ่งที่กดทับกำลังซื้อของคนในประเทศ

ADVERTISMENT

กระทบการลงทุนต่างชาติ

นายเกรียงไกรกล่าวว่า ส่วนเรื่องสัญญาณการลงทุนจากต่างชาตินั้นก็ต้องดูแต่ละประเทศ อย่างจีนมีการลงทุนอย่างแน่นอนในเรื่องของห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนญี่ปุ่นเข้าใจการเมืองไทยเพราะมีการลงทุนในไทยกว่า 40 ปี

“แต่ที่น่ากังวลคือกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่พวกเทคโนโลยีชั้นสูง พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีด้านความยั่งยืน เพราะส่วนใหญ่มาจากฝั่งยุโรปและสหรัฐ ทำให้กลุ่มนี้จะมีความอ่อนไหวเรื่องสถานการณ์การเมืองมากกว่านักลงทุนเอเชียอย่างจีนหรือญี่ปุ่น แต่ก็เป็นกลุ่มที่ไทยเองก็อยากได้มาทดแทนอุตสาหกรรมเดิม เพราะเราอยากปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมไทยไปในเรื่องของเทคโนโลยีขั้นสูง”

ADVERTISMENT

นายเกรียงไกรกล่าวว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สถานการณ์การเมืองจะไม่กระทบนักลงทุนที่จะเข้ามา เพราะไม่ว่าจะสหรัฐหรือยุโรปตอนนี้ต่างก็ต้องการย้ายฐานการผลิต อย่างในยุโรปที่ราคาพลังงานพุ่งสูงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่น่าจับตามองในการย้ายฐานการผลิต โดยเฉพาะไทยที่จะตอบโจทย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะมีความพร้อมเรื่องพลังงานหมุนเวียนและมีการสนับสนุนธุรกิจจากภาครัฐ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)

เงินดิจิทัล 10,000 บาท

นายเกรียงไกรกล่าวว่า เช่นเดียวกับสหรัฐที่ใช้เงินจำนวนมากอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง โดยของเพื่อไทยจะให้เงินคนละ 10,000 ในรูปแบบเงินดิจิทัลที่เป็นระบบควบคุมการใช้จ่ายเงินได้ เพราะสิ่งที่กลัวที่สุดคือต่อให้ใช้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่สุดท้ายประชาชนอาจจะนำเงินตรงส่วนนี้ไปใช้จ่ายในเรื่องของการผ่อนรถ จ่ายหนี้ ที่เงินไม่ได้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อการสร้างงานสร้างเงิน แต่เป็นภาคของการใช้จ่ายเสียมากกว่า

“เราหวังว่านโยบายนี้จะสำเร็จ เพราะใช้งบประมาณค่อนข้างเยอะ และมีหลายคนก็ออกมาโจมตีว่าเป็นการสร้างหนี้เพิ่ม ซึ่งก็จริง เพราะที่ผ่านมาทุกครั้งนโยบายรูปแบบนี้จะเป็นภาระทางการคลัง แต่อย่างน้อยที่สุด ถ้าทำแล้วก็มีเหตุผลว่ามันคุ้ม เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับฝีมือ ความแม่นยำ และระบบ ที่เขาจะควบคุมเพื่อให้ได้เป้าหมายที่สุดที่เขาอยากได้”

นายเกรียงไกรกล่าวเสริมว่า ไม่ใช่แบบในอดีตที่มีแพ็กเกจแจก แต่กลายเป็นว่าเงินที่ควรจะหมุนเวียนในระบบสัก 4-5 รอบ ตามทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ กลับหายไปในรอบเดียวหาย เพราะเอาไปจ่ายหนี้นอกระบบ หรือเล่นการพนัน ซึ่งไม่เกิดการสร้างงาน ทำให้นโยบายนี้ ถ้าตามทฤษฎีแล้วจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่ต้องอาศัยแรงขนาดใหญ่และเป็นจุดสตาร์ต